ทำไมฉีด “วัคซีน” แล้ว ยังติด “โควิด-19” ได้อีก?
ทำไมฉีด “วัคซีน” แล้ว ยังติด “โควิด-19” ได้อีก? หลายคนอาจเคยมีประสบการณ์ หรือเคยได้ยินว่า ถึงจะฉีดวัคซีนแล้ว แต่ก็ยังเสี่ยงติดโควิด-19 ได้อยู่ จริงหรือไม่ แล้วเราจะฉีดวัคซีนกันไปทำไม อ. พญ.
นพ.อนุสิทธิ์ ทัฬหสิริเวทย์ อายุรแพทย์หัวใจ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ กล่าวว่า หากติดเชื้อไวรัส COVID-19 จะมีระยะฟักตัว 2-14 วัน โดยจะแพร่กระจายโรคเมื่อมีอาการแสดงแล้วเท่านั้น โดยผู้ป่วย 1 รายสามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นได้เฉลี่ย 2-4 คน ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของประชากรและฤดูกาล
อาการแสดงคือ จะมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล คัดจมูก หอบเหนื่อย แน่นหน้าอก เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งความรุนแรงของโรคนี้จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคลและร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
ทั้งนี้ จากข้อมูลวารสารการแพทย์ The Lancet ระบุว่า คนในกลุ่มที่มีโรคหัวใจ จะเพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิตหากติดเชื้อไวรัส COVID-19 โดยผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากเชื้อไวรัส COVID-19 พบว่ามีโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง 40% ซึ่งกลุ่มนี้เมื่อได้รับเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลให้มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ 17% กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบได้ 7% ส่งผลให้ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลวได้ 9% ตลอดจนไตวาย 4% ขณะเดียวกันผู้ที่มีโรคประจำตัวก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส COVID-19 จากข้อมูลทั้งหมด 138 เคสที่ได้รับเชื้อไวรัส COVID-19 ในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนระบุว่า ผู้ป่วยอาการหนักระยะวิกฤติมักจะเป็นโรคความดันโลหิตสูง 58% โรคเบาหวาน 22% โรคหลอดเลือดหัวใจ 25% โรคหลอดเลือดสมอง 17% ฉะนั้นหากมีโรคประจำตัว ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำและไม่ควรละเลยที่จะดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด อาทิ หากมีไขมันในเลือดสูงควรต้องลดปริมาณไขมันให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อป้องกันหลอดเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลัน ถ้าเป็นโรคเบาหวานควบคุมระดับน้ำตาลไม่ให้เกินเกณฑ์ และควรเลิกสูบบุหรี่ เป็นต้น
การป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 สามารถทำตามคำแนะนำของกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้แก่
เพราะเชื้อไวรัส COVID-19 แพร่กระจายได้ง่ายทางละอองฝอยของผู้ป่วยจากเมืองที่เป็นแหล่งระบาด แนะนำว่า “ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัยควรระมัดระวัง เรื่องการติดต่อด้วยการดูแลสุขอนามัยของตนเองอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้หากมีประวัติสัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ต้องสงสัยภายใน 14 วันแล้วมีอาการไข้ ไอ น้ำมูก หายใจเหนื่อย ควรพบแพทย์เพื่อคัดกรองและหาสาเหตุแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางปอด หัวใจ และไต ที่อาจเกิดขึ้นได้ ที่สำคัญหากมีโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเดิมหรือมีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อหลอดเลือดหัวใจตีบ อาทิ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไต ควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งและควบคุมระดับไขมัน น้ำตาล ค่าการอักเสบของหลอดเลือดและความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ รวมถึงฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่และวัคซีนป้องกันปอดบวม Pneumococcal Vaccine หากมีข้อบ่งชี้ในผู้สูงวัยที่มีโรคปอดหรือโรคหัวใจภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างเคร่งครัด”
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : “โควิด-19” (COVID-19) กับผลกระทบร้าย อันตรายถึงหัวใจ
เรื่องนี้ไม่อนุญาติ ให้แสดงความคิดเห็น