แนะประชาชนเลิกสูบบุหรี่ทุกชนิด อย่าตกเป็นเหยื่อธุรกิจยาสูบในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 เพราะการสูบบุหรี่นอกจากทำลายปอดและระบบการหายใจ ยังเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 และส่งผลให้อาการของผู้ป่วยติดเชื้อทรุดหนักได้

นายแพทย์ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เผยว่า กรมควบคุมโรค ขอแจ้งเตือนประชาชนอย่าหลงกลตกเป็นเหยื่อให้กับธุรกิจยาสูบเหล่านี้ เพราะการสูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้า ส่งผลกระทบโดยตรงต่อปอด และระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งการสูบบุหรี่หรือแม้แต่บุหรี่ไฟฟ้าในช่วงเวลาที่ยังมีการระบาดของโรคโควิด-19 ยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการแพร่กระจายและโอกาสติดเชื้อโควิด-19 เนื่องจากขณะสูบเป็นช่วงที่ไม่มีการสวมหน้ากากอนามัย นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีประวัติการสูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งโดยส่วนใหญ่สุขภาพปอดจะไม่แข็งแรง จะยิ่งทำให้อาการทรุดหนัก และเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิตได้

นอกจากนี้ ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ยังระบุเพิ่มเติมว่า หากผู้สูบบุหรี่ติดเชื้อโควิด-19 อาการจะหนักกว่าคนที่ไม่สูบ แม้ว่าคนสูบบุหรี่จะไม่มีอาการออก แต่ถ้าเอาเนื้อปอดมาตรวจจะพบว่าเริ่มพรุน ถุงลมถูกทำลายจากสารเคมีในบุหรี่ และหากคนที่สูบบุหรี่มานานติดโควิด อาการจะหนักมาก อาจเข้าสู่ภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน โอกาสเสียชีวิตสูงกว่าคนที่ไม่สูบ เนื่องจากบุหรี่ทำให้ปอดอักเสบและทำให้ลดภูมิต้านทานของร่างกาย ปอดจะรับมือกับเชื้อโควิดได้ไม่ดี

อย่างไรก็ตาม ในประเด็นที่พูดถึงการแพร่เชื้อไวรัสผ่านควันบุหรี่ สมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ได้ทำการวิจัยสรุปแล้วว่า ถ้าคนติดโควิดแล้วกำลังสูบบุหรี่ หากไอ จาม หรือตะโกน เชื้อโควิดจะอยู่ในควันบุหรี่ได้ ยิ่งควันบุหรี่ไฟฟ้า เพราะควันจะมีเยอะและเป็นละอองฝอย โดยเฉพาะสูบในสถานที่ที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก

ในโอกาสนี้ กรมควบคุมโรค จึงขอเชิญชวนประชาชนใช้วิกฤตการณ์ระบาดครั้งนี้ เป็นโอกาสเริ่มต้นในการเลิกสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า นอกจากทำลายสุขภาพตัวเองและคนรอบข้างแล้ว การเสียเงินซื้อบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้ามาสูบ ยังเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และสำหรับผู้ต้องการเลิกบุหรี่สามารถรับคำปรึกษาเพื่อเลิกบุหรี่ โดยไม่ต้องออกจากบ้านได้ ผ่านโทรฟรีสายด่วนเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 1600