หากนึกถึงอาหารที่ทำให้ท้องร่วงกันได้ง่ายๆ แล้ว คนไทยมักนึกถึงอาหารที่มีรสชาติจัดจ้านอย่างส้มตำ ปูดอง กุ้งแช่น้ำปลา หรืออาหารทะเลที่ทานกันสดๆ รวมไปถึงลาบก้อย ลาบเลือด อาหารอีสานที่มีการปรุงด้วยเลือดของสัตว์สดๆ ไม่ผ่านความร้อน (หรือผ่านความร้อนน้อยมาก) ด้วยความไม่สะอาด ไม่สดอย่างเพียงพอของส่วนผสม จึงทำให้เกิดโรคท้องร่วง อาหารเป็นพิษได้
แต่จริงๆ ยังมีอาหารที่ดูเหมือนจะปลอดภัย แต่จริงๆ แฝงอันตรายเอาไว้ด้วย เพราะอาหารเหล่านี้อาจมีเชื้อ “ซาลโมเนลลา” อยู่นั่นเอง
ซาลโมเนลลา คืออะไร?
ซาลโมเนลลา เป็นหนึ่งในแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคติดเชื้อในทางเดินอาหาร จนทำให้เกิดอาหารท้องเสีย ท้องร่วง อาหารเป็นพิษ ไปจนถึงลำไส้อักเสบได้
ซาลโมเนลลา มีความอันตรายตรงที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในอุณหภูมิปานกลาง อุณหภูมิห้องในเมืองไทย และยังสามารถเจริญเติบโตได้ดีในร่างกายของมนุษย์ และสัตว์เลือดอุ่น โดยอุณหภูมิที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อซาลโมเนลลา คือ 30-45 องศาเซลเซียส
อาการติดเชื้อจากซาลโมเนลลา
หลังจากรับเชื้อเบคทีเรียเข้าไปในร่างกายราว 12-72 ชั่วโมง ผู้ป่วยอาจแสดงอาการดังนี้
– ท้องเสีย ท้องร่วง อาจมีเลือดปน
– ปวดท้อง มวนท้อง
– ปวดศีรษะ
– คลื่นไส้อาเจียน
– เบื่ออาหาร
นอกจากนี้ยังอาจมีอาการแทรกซ้อน เช่น โรคไข้รากสาดน้อย ระบบทางเดินอาหาร เลือด กระดูก ข้อ ระบบประสาทส่วนกลาง (สมอง และไขสันหลัง) และอวัยวะภายในอื่นๆ เป็นต้น
อาหารที่อาจพบเชื้อซาลโมเนลลา ได้แก่
- ไข่ไก่
- เนื้อสัตว์
- สัตว์ปีก
- นม
- ผลิตภัณฑ์จากนมอื่นๆ
- ปลา
- กุ้ง
- ขากบ
- ยีสต์
- น้ำสลัด
- แป้งเค้กผสม
- ขนมหวานไส้ครีม
- เจลาตินแห้ง
- เนยถั่ว
- โกโก้
- ช็อกโกแลต
- หอยแมลงภู่
- ปลาหมึก
- กุ้งแห้ง
วิธีหลีกเลี่ยงเชื้อซาลโมเนลลา
เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงเชื้อแบคทีเรียซาลโมเนลลา ควรเลือกซื้อผลิจตภัณฑ์ปรุงอาหารต่างๆ ที่ใหม่สดสะอาด จากแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ เก็บรักษาโดยแยกเนื้อดิบ และสุก รวมถึงขั้นตอนในการล้าง หั่น ควรแยกอุปกรณ์ที่ใช้ระหว่างเนื้อดิบ สุก และผักผลไม้สดออกจากกัน และควรปรุงอาหารให้สุกทั่วกันทั้งชิ้น ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อซาลโมเนลลาได้
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : อาหารเสี่ยง “ท้องร่วง” ที่ดูเหมือนปลอดภัย แต่จริงๆ แฝงอันตรายเพียบ
เรื่องนี้ไม่อนุญาติ ให้แสดงความคิดเห็น