การพอกหน้าด้วยโคลนทะเลสาป
การพอกหน้าด้วยโคลนทะเลสาป
เป็นเวลากว่าหลายร้อยปีมาแล้วที่ดินเหนียว (Clay) ถูกนำมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับการพอกหน้าเพื่อเสริมความงาม เมื่อกว่า 1800 ปีมาแล้ว พระนางคลีโอพัตรา ก็เคยใช้ดินเหนียวจากแม่น้ำไนล์และทะเลทราย Arabian เป็นเครื่องบำรุงความงามของพระองค์
ชนชาติเยอรมันและโรมันก็มีการใช้ดินเหนียวในสปาซึ่งมีมาตั้งแต่ 4000 ปีก่อน ซึ่งสปาเหล่านี้หลายแห่งก็ยังคงอยู่และยังใช้ดินเหนียวติดต่อกันจนถึงปัจจุบัน
Pliny the Elder นักธรรมชาติวิทยาในสมัยจักรวรรดิโรมันตอนต้น ได้เขียนบันทึกไว้ในสารานุกรมธรรมชาติวิทยา บทหนึ่ง เกี่ยวกับการใช้ดินเหนียวในการพอกหน้าช่วยในการทำให้ผิวหน้ากระชับ รักษาสิวทั้งสิวหัวเปิด และ สิวนูนแดง
นักธรรมชาติบำบัดที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น Kuhn , Just และ Kneipp ก็มีการใช้ดินเหนียว ผ่านวิธีธรรมชาติบำบัดสำหรับอาการข้อต่ออักเสบและโรคทางผิวหนัง
ย้อนกลับไปเมื่อศตวรรษที่ 16 Kneipp นักบุญที่อยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ได้มีการใช้ดินเหนียวผสมกับ Apple Cider Vinergar (น้ำส้มสายชูหมักจากผลแอปเปิ้ล) ในการรักษาด้วยวีธีธรรมชาติบำบัดทั้งในลักษณะการหุ้มด้วยดินเหนียวและในลักษณะของยาพอก
สำหรับท่านที่ชอบเข้าสปา พอกหน้าพอกตัวด้วยโคลน ทราบหรือไม่ค่ะ โคลนที่ใช้พอกนั้น มาจากไหน มีคุณสมบัติอย่างไร เอาล่ะสำหรับคนที่ไม่รู้และไม่เคยเข้าสปา มาหาความรู้กันเลย
โคลนทะเลสาป
คุณสมบัติกว้างๆ ทั่วไปของโคลนนั้นช่วยในการทำความสะอาดผิวหน้า และโคลนจะช่วยดูดซับสิ่งสกปรกที่ตกค้างจากรูขุมขนของเราได้มากกว่าปกติ
เอาล่ะประวัติที่มาของโคลน มันเริ่มต้นมาจากไหน
ประวัติการใช้โคลนพอกหน้านั้นมีมาตั้งแต่สมัยพระนางคลีโอพัตรา แต่ว่าการนำมาใช้ครั้งแรกนั้น ในปี คศ. 1338 ในประเทศเชคโกสโลวาเกีย และโดยส่วนมากโคลนที่เราใช้นั้นจัดอยู่ในกลุ่มเครื่องสำอางค์จากดิน( Mud mask) ซึ่งในปัจจุบันมีจำหน่ายในรูปแบบทั้งแบบผงผสมน้ำ หรือเป็นแบบโยเกิร์ต หรือแบบที่ผสมน้ำใช้ได้ทันที
คุณสมบัติของโคลนในแต่ละชนิด
- Colloidal kaolin (โคลนดินขาวจากจีน) ตัวนี้จะผสมในเครื่องสำอางค์พอกหน้า และช่วยดูดซับความมันและสิ่งสกปรกได้ดี
- Activated ( ถ่านชาโคล ) ช่วยดูดซับสารพิษฝุ่นละออง และสิ่งตกค้างที่อยู่ในรูขุมขน
- Bentonite ( จากเถ้าภูเขาไฟในสหรัฐอเมริกา ) ตัวนี้จะผสมในผลิตภัณฑ์ลอกหน้าและยารักษาโรคผิวหนัง
แหล่งที่มาของโคลนพอกผิว แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
- โคลนจากภูเขาไฟและน้ำพุร้อน จะเป็นโคลนเถ้าภูเขาไฟในสหรัฐอเมริกา ส่วนในประเทศไทยอยู่ที่ จ.แม่ฮ่องสอน จะเป็นโคลนโป่งเดือดแม่สะงา
- โคลนจากแม่น้ำทะเลสาป และโคลนทะเลได้แก่ โคลนทะเลสาปเดดซี ซึ่งโคลนแม่น้ำจะมีวิตามินและสารพฤกษเคมีจำนวนมากซึ่งต่างจากโคลนภูเขาไฟและโคลนน้ำพุร้อนที่มีธาตุกำมะถันและโพแทสเซียมอยู่
โคลนร้อนโคลนเย็น โคลนทั้งสองประเภทนี้จะมีคุณสมบัติที่ต่างกัน ซึ่งทางการแพทย์จะนำ โคลนประเภทแรกที่อุณหภูมิของโคลนประมาณ 38 องศา มาช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือดและรักษาโรคเช่น โรคเก๊าต์และอัมพฤกษ์อีกด้วย
Thanks For: http://dnaturespa.com/mask.html
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : การพอกหน้าด้วยโคลนทะเลสาป
เรื่องนี้ไม่อนุญาติ ให้แสดงความคิดเห็น