ปิดเมนู
หน้าแรก

กลิ่นตัวแรงแก้ได้ มาดูสาเหตุและวิธีแก้ไขกัน

เปิดอ่าน 60 views

กลิ่นตัวแรงแก้ได้ มาดูสาเหตุและวิธีแก้ไขกัน

Pepperrr

สนับสนุนเนื้อหา

สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคน กลับมาพบกันอีกครั้งกับเรื่องราวสาระดีๆ สำหรับผู้ชายเท่ๆ ทุกคน เพื่อนๆ คงทราบกันเเล้วว่าผู้ชายอย่างเราจะหล่อ เท่ ดูดีได้ นอกจากเสื้อผ้าหน้าผมและแฟชั่นการแต่งกายจะต้องเป๊ะตั้งแต่หัวจรดเท้าเเล้ว เรื่องของกลิ่นกายก็มีความสำคัญไม่น้อย หากทุกอย่างทำมาดีหมดเเล้วเเต่มาตกม้าตายที่เรื่องเหงื่อและกลิ่นกายนี้คงเป็นอะไรที่น่าเสียดายมาก สำหรับปัญหาเหงื่อและกลิ่นกายนี้ผู้ชายแต่ละคนก็จะมีมากน้อยแตกต่างกันไป

ขึ้นอยู่กับลักษณะของกิจกรรมที่ทำในแต่ละวันและพันธุกรรมก็มีส่วนด้วยซึ่งสาเหตุหลักๆ ของกลิ่นตัวนั้นมาจากความชื้นจากเหงื่อไคลที่สะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นเหม็น รวมถึงอาหารการกินที่เรารับประทานเข้าไปซึ่งจะเป็นสาเหตุของกลิ่นตัวที่ไม่พึงประสงค์ด้วย และเมื่อเราเข้าใจสาเหตุของกลิ่นตัวเเล้ว หนุ่มๆ ก็ควรจะรู้จักวิธีการรับมืออย่างถูกต้อง ดังที่เรากำลังจะแนะนำให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันต่อไปนี้ ซึ่งจะต้องทำอย่างไรบ้าง เรามาดูกันเลยครับ

1. อาบน้ำให้ทุกวันเช้าเย็น

หนุ่มที่กลิ่นไม่มีกลิ่นตัว หรือกลิ่นตัวไม่แรงสามารถอาบน้ำเพียงวันละครั้งได้ถือว่าดีต่อสุขภาพผิวและเพียงพอเเล้ว เเต่สำหรับหนุ่มๆ ที่มีอานุภาพกลิ่นกายที่รุนแรง การอาบน้ำเพียงวันละครั้งอาจไม่เพียงพอ เราจึงอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ที่มีกลิ่นตัวรุนแรงอาบน้ำวันละ 2 ครั้งคือช่วงเช้าก่อนไปทำงาน และก่อนเข้านอน เพราะเราเชื่อว่าคุณเป็นคนที่เหงื่อมีเยอะและมักจะมีแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นซ่อนตัวอยู่ตามจุดซ่อนเร้นต่างๆ ของร่างกายโดยเฉพาะบริเวณรักแร้ซึ่งเป็นจุดที่เป็นสาเหตุหลักของกลิ่นกาย และเราอยากแนะนำให้เพื่อนๆ เลิกใช้สบู่ก้อนเเล้วเปลี่ยนมาใช้ครีมอาบน้ำที่สามารถทำความสะอาดได้หมดจดและล้ำลึกกว่าครับ

2. กำจัดขน

ขนจำนวนมากเกินไปที่ขึ้นปกคลุมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายจะเป็นอุปสรรคในการระบายความร้อน ก่อให้เกิดความอบอ้าวบนผิวหนังซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ตัวเรามีเหงื่อออกมา และความชื้นจากเหงื่อนี่แหล่ะช่างเป็นที่ชื่นชอบของแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ดังนั้นหนุ่มๆ คนไหนที่รู้ตัวว่าขนเยอะเกินไป ไม่ว่าจะเป็นขนรักแร้ ขนหน้าอก ขนน้อง ก็ควรกำจัดออกไปบ้างให้มันบางเบาลงจะได้มีการระบายอากาศที่ดีขึ้น และหลังจากกำจัด ก็อย่าลืมอาฟเตอร์เชฟหรือทาครีมที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อคงความชุ่มชื้นเเก่ผิวและป้องกันไม่ให้เกิดอาการระคายเคือง

3. ทานอาหารที่มีประโยชน์

เพื่อนๆ หลายคนคงพอทราบมาบ้างว่าอาหารการกินที่เรารับประทานเป็นประจำย่อมส่งผลให้เรามีกลิ่นตัวแตกต่างกัน ดังจะเห็นได้ตัวอย่างเช่น ชนชาติแขกที่ทานนมเนยและเครื่องเทศเป็นอาหารหลักย่อมมีกลิ่นตัวที่แรงมาก ส่วนคนญี่ปุ่น เกาหลี ที่เน้นทานผักและเนื้อปลา ทำให้เป็นชนชาติที่ไม่มีกลิ่นตัว เป็นต้น เมื่อได้ทราบเช่นนี้เเล้วหากเพื่อนๆ ไม่อยากมีกลิ่นตัวแรงก็ควรหาอาหารที่มีส่วนประกอบของซิงก์และแมกนิเซียมมาทานเป็นประจำ ซึ่งพบมากในผักและเนื้อปลา และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนประกอบของซัลเฟตเช่น เครื่องเทศ หัวหอม กระเทียม และนมเนย หากเลี่ยงไม่ได้เพราะอาหารเหล่านี้มีประโยชน์ ก็ให้ทานเเต่ในปริมาณที่พอเหมาะพอควรครับ

4. สวมใส่เสื้อผ้าที่มีการระบายอากาศที่ดี

เสื้อผ้าที่เราสวมใส่มีผลอย่างมากต่อการระบายอากาศที่ผิวหนัง หากเสื้อผ้าที่เราสวมใส่รัดแน่น แนบเนื้อจนเกินไป รวมถึงการใส่เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าใยสังเคราะห์ที่มีการระบายอากาศไม่ดีทำให้เนื้อผ้ามีคุณสมบัติเหมือนฉนวนความร้อน ย่อมทำให้ตัวเราเหงือออกมากเป็นพิเศษ เเละเป็นสาเหตุหลักของกลิ่นตัวที่เกิดจากการสะสมตัวของแบคทีเรียบนคราบเหงื่อไคล ดังนั้นอีกหนึ่งแนวทางที่สามารถป้องกันการเกิดกลิ่นตัวได้คือการเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่หลวม พอดีตัว ใส่สบาย มีเนื้อผ้าที่ระบายอากาศที่ดีโดยเฉพาะเสื้อผ้าที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติเช่น คอตตอน หากทำได้ก็จะช่วยลดการเกิดเหงื่อและกลิ่นกายได้มากเลยทีเดียวครับ

5. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารระงับเหงื่อ

ไม่ว่าจะเป็นโรลออนซ์หรือสเปรย์ระงับกลิ่นกาย หากเพื่อนๆ รู้จักใส่ใจเลือกดีๆ จะพบว่ามีตัวที่มีสาร Anti-perspirant ซึ่งเป็นสารที่ช่วยระงับเหงื่อ แม้ว่าจะช่วยระงับเหงื่อได้เเต่ก็ใช่ว่าจะระงับกลิ่นตัว เเต่อย่างน้อยหากเหงื่อไม่ออกก็ช่วยลดความแรงของกลิ่นตัวลงได้มากครับ เราขอแนะนำให้คุณเลือกใช้ตัวที่ไม่ผสมสารอะลูมิเนียม และไม่มีส่วนประกอบของน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์เพราะสารเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้

และนี่ก็คือ 5 เคล็ดลับของการระงับเหงื่อและกลิ่นกายที่เพื่อนๆ สามารถนำไปปรับใช้กันได้ทันที อ่านดูเเล้วก็ไม่น่ายากใช่มั้ยล่ะครับ เมื่อทราบเเล้วก็ลองนำไปปฏิบัติกันเลย เพื่อที่คุณจะได้หล่อเป๊ะตั้งแต่หัวจรดเท้าและไม่มีอะไรจะมาทำให้เสน่ห์ของตัวคุณพังทลายลงได้

เรียนทำเครื่องสำอาง สอนทำครีม สอนทำเวชสำอาง ผลิตภัณฑ์ความงาม สำหรับธุรกิจส่วนตัว

ศูนย์อบรมเครื่องสำอาง JMC

(JMC Cosmetic Training Center )

“เชื่อว่าการลงทุนที่ดีที่สุดในยุคนี้ คือการลงทุนเรื่องการผลิตเครื่องสำอางเพื่อต่อยอดธุรกิจ ซึ่งในปัจจุบัน ธุรกิจเครื่องสำอางกำลังเติบโตกระโดดก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทำอย่างไรเราจะก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจนี้ได้ ทำอย่างไรธุรกิจ ของเราจะไปรอดในภาวะการแข่งขันที่สูง มาร่วมพัฒนาศักยภาพในการแข่งขัน เพื่อสร้างจุดแข็งให้กับธุรกิจของคุณกับเรา

เราสามารถจัดอบรบแบบส่วนตัวหรือจัดเป็นกลุ่ม พร้อมเลือกหัวข้อและระยะเวลาในการอบรมที่เหมาะสม เพื่อให้ได้เนื้อหาครอบคลุมหัวข้อตรงกับความต้องการและสามารถนำไปใช้ได้จริง ผู้เข้าอบรบจะได้ทดลองปฏิบัติ ด้วยตนเองพร้อมได้รับสูตรผลิตภัณฑ์ ”

Start Up ธุรกิจความงาม (เครื่องสำอาง เวชสำอางและสปา) ผู้ประะกอบธุรกิจต้องมีความรู้พื้นฐานของโครงสร้างผิว สมุนไพร คุณสมบัติสมุนไพร การสกัดจากสมุนไพร สารสกัดจากธรรมชาติและอื่นๆ ก่อนที่คุณจะเริ่มลงมือทำธุรกิจเครื่องสำอางอย่างจริงจัง การเริ่มต้นธุรกิจที่ดีที่สุดคุณควรเริ่มต้นด้วยการสำรวจความต้องการของลูกค้าด้วยตัวคุณเองและวางแผนเริ่มต้นให้ดีในทุกส่วนความรู้พื้นฐานการบริหารธุรกิจฯ 

ก่อนที่จะลงทุนต้องทำความเข้าใจกับสินค้าให้ดีว่ามีคุณภาพดีพอที่จะวางขายได้หรือยัง เพราะความจริงสิ่งที่คุณจะเริ่มลงทุนเพราะเห็นถึงกำไรที่จะกลับมาแต่หากลืมไปว่า ผู้ประกอบการท่านอื่นๆ ก็มองเห็นโอกาสนี้เช่นเดี่ยวกับคุณในมุมกลับกันรองสำรวจดูว่าคุณมีลูกค้าตัวจริงอยู่หรือไมเพราะมันไม่ง่ายที่ใครจะยอมควักเงินออกจากกระเป๋ามาซื้อสินค้าจากคุณ

รูปแบบเนื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่เราเห็นจำหน่ายในตลาด มี 5 รูปแบบต่างๆดังนี้

1. ครีม (Cream)

ครีมบำรุงผิวส่วนใหญ่ในท้องตลาดจะมีส่วนผสมของน้ำมัน ไขมัน แว็กซ์ (Oil ,Fat,Wax ) + น้ำ ,สารออกฤทธิ์ที่ละลายน้ำ (Water) +ตัวประสานท (Emulsifier ) ในสัดส่วนที่แตกต่างกันไป ซึ่งจะทำให้ได้เนื้อครีมที่มีความหนืดสูง กว่าอิมัลชั่นรูปแบบอื่นๆ ครีมเหมาะสำหรับคนที่ผิวแห้ง เนื่องจากผิวขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้านหรือมีริ้วรอยอ่อนกว่าวัยได้

2. โลชั่น (Lotion)

เนื้อโลชั่นมีลักษณะคล้ายครีมมาก แต่จะมีส่วนประกอบของน้ำ (Water) มากกว่า น้ำมัน ไขมัน แว็กซ์ (Oil,Fat,Wax) มักมีความหนืดต่ำกว่าเนื้อครีม โลชั่นเหมาะสำหรับผิวธรรมดาและผิวผสม

3. เซรั่ม (Serum)

เนื้อเซรั่มส่วนใหญ่จะใสหรือขุ่นเล็กน้อย มีเนื้อสัมผัสที่บางเบา เพราะเป็นเนื้อแบบ Water Based หากเทียบกับการผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดอื่น เนื้อเซรั่มจะสามารถเติมสารออกฤทธิ์ต่างๆได้สูง ช่วยเรื่องการบำรุงซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะและเหมาะกับผิวทุกประเภท

4. เจล (Gel)

มีลักษณะเนื้อเจลใสทรงตัวอยู่ได้ ซึ่งเป็นสารประเภท โดยมีสารสร้างเนื้อเจลที่มาจากธรรมชาติและสารสังเคราะห์กลุ่ม Polymer ประเภทต่างๆ

โครงสร้างภายในสารสร้างเนื้อเจล (Gelling Agent) สามารถอุ้มน้ำได้หลายเท่าตัว จึงนำมาใช้ทำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวประเภทเพิ่มความชุ่มชื้น เพิ่ม Natural Moisturizing Factor ให้กับผิวเป็นส่วนใหญ่

5. เนื้อฟลูอิค (Fluid) หรือเนื้อเอสเซ้นส์ (Essence)

เป็นเนื้อกึ่งเซรั่ม มีเนื้อสัมผัสเนื้อบางเบา สามารถเพิ่มความเข้มข้นสารออกฤทธิ์(Active Ingredient) ที่ความเข้มข้นสูงๆได้ เป็นได้ทั้ง Emulsion Based/ Water Based ซึมเข้าสู่ผิวได้เร็ว เกลี่ยง่าย การบำรุงผิวมีประสิทธิภาพเห็นผลชัดยิ่งขึ้น

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์รูปแบบต่างๆให้เหมาะสมกับสภาพผิวหน้า และควรทดสอบการแพ้ผลิตภัณฑ์ก่อนใช้เสมอ

วัตถุประสงค์ของการเรียนและการวางแผนธุรกิจของคุณ

  • เข้าใจส่วนประกอบการทำครีม เชรั่ม เจลพื้นฐาน
  • สามารถวางแผ่นการตลาดได้ชัดเจนขึ้น
  • เข้าใจต้นทุนวัตถุดิบและแหล่งในการซื้อวัตถุดิบในการทำเซรั่ม ครีมบำรุงผิวเพื่อการทดลองหรือเริ่มต้นธุรกิจ
  • สามารถทดลองและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในเบื้องต้นได้
  • สามารถผลิตและทดลองจำหน่ายเพื่อลองตลาดก่อนสั่งผลิตเพื่อทำในรูปแบบธุรกิจได้

****สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่****

ศูนย์อบรมเครื่องสำอาง JMC

(JMC Cosmetic Training Center)

Managing Director

Tel: 083-007-8589, Line ID: careandliving

https://www.facebook.com/JMC-Cosmetic-Training-Center-113166417038006/

สถานที่อบรม :

ศูนย์อบรมเครื่องสำอาง

อาคารเลขที่ 88/22 หมู่บ้าน เนอวานา พาร์ค (Nirvana Park)

ซ. รามคำแหง 53 ถ. รามคำแหง แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง 10310

มีฝ่าย R&D 
พัฒนาสูตร และผู้เชี่ยวชาญดูแล อย่างใกล้ชิด

รับผลิตครีมดับกลิ่นเต่า เห็นผลครั้งแรกที่ใช้ 

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : กลิ่นตัวแรงแก้ได้ มาดูสาเหตุและวิธีแก้ไขกัน