© ASSOCIATED PRESS กระเจี๊ยบแดง-ขมิ้นชัน ช่วยลดไขมันในเลือด

กระเจี๊ยบแดง-ขมิ้นชัน ช่วยลดไขมันในเลือด

นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงกรณีตั้งคณะทำงานจัดทำคู่มือไกด์ไลน์สมุนไพรรักษาโรคเรื้อรัง หวังเป็นคู่มือการันตีแพทย์แผนไทย-แพทย์ทางเลือก หลังล่าสุดโรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม จ.เชียงใหม่เปิดเผยสูตรสมุนไพรรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบ ว่า ปัจจุบันการรักษาโรคด้วยสมุนไพรมีจำนวนมาก อย่างล่าสุดที่มีการเปิดเผยสูตรขิง พุทราจีนแห้ง และเห็ดหูหนูดำนั้น ก็เป็นสูตรอาหารบำรุงสุขภาพของจีนที่ใช้กันมานาน โดยเฉพาะขิง ซึ่งจัดเป็นสมุนไพรธาตุร้อนที่มีการวิจัยมากในสหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป โดยพบว่ามีสารลดไขมันในเลือด ลดน้ำตาลในเลือดได้ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่จะพบว่าใช้ขิงเป็นส่วนผสมหลักในการรักษาโรคไขมันในเลือด หรือหลอดเลือดสมองตีบ

 © สนับสนุนโดย BangkokBizNews ชู’กระเจี๊ยบแดง-ขมิ้นชัน’ช่วยลดไขมันในเลือด

นพ.ธวัชชัย กล่าวอีกว่า การรักษาพวกนี้จะต้องดูว่าปริมาณไขมันในเลือดมากน้อยแค่ไหน หากมีคอเลสเตอรอลในเลือดสูงกว่า 300 มิลลิกรัมก็ต้องรักษาควบคู่กับยาแผนปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกรมฯ ขณะนี้ตั้งทีมในการทำคู่มือการใช้ยาสมุนไพรเพื่อการพึ่งตนเองด้านสุขภาพขึ้น โดยมอบให้สถาบันการแพทย์แผนไทยเป็นผู้ดำเนินการ เบื้องต้นจะบรรจุว่ามียาและสมุนไพรอะไรในการรักษาโรคได้บ้าง แบ่งเป็นยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติจำนวน 76 รายการ ประกอบด้วย ยาสูตรเดี่ยว 26 รายการ และยาสูตรตำรับ 50 รายการ นอกนั้นจะเป็นยาสมุนไพรที่สามารถหาได้ในครัวเรือนในการรักษาโรคเรื้อรัง 6 โรค มีเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคมะเร็ง โรคอัมพฤกษ์อัมพาต และโรคภูมิแพ้ ซึ่งคาดว่าโรคเบาหวานและความดันในเลือด ไขมันในเลือดสูง น่าจะแล้วเสร็จก่อน โดยคู่มือนี้จะจัดทำให้กับแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกในการประกอบการพิจารณา รวมทั้งประชาชนทั่วไปก็สามารถมาขอได้ที่กรมฯ หากมีการจัดทำเสร็จแล้ว

นพ.ธวัชชัย. กล่าวด้วยว่า สมุนไพรที่น่าสนใจอีกตัวจากการรวบรวมของสถาบันการแพทย์แผนไทยคือ กระเจี๊ยบแดง จากการศึกษาในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง พบว่า กระเจี๊ยบแดงมีสารสีแดงจำพวกแอนโทไซยานิน มีกรดอินทรีย์หลายชนิด และวิตามินซี วิตามินเอ และแร่ธาตุอื่นๆ ซึ่งจากการสกัดสารเหล่านี้และนำมาทดลองในสัตว์ทดลอง และในคนบางกลุ่ม โดยทำการตรวจปัสสาวะ พบว่า ไขมันในเลือดลดลงได้ และเมื่อตรวจวัดความดันโลหิตก็ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ดังนั้น การรับประทานให้ใช้ดอกกระเจี๊ยบแดงตากแห้งแล้วบดเป็นผงครั้ง 1 ช้อนชา ชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วย ทิ้งไว้ 5-10 นาที รินเฉพาะน้ำสีม่วงแดงใสดื่มได้ทุกวัน จะมีผลข้างเคียงเพียงหากดื่มมากจนเกินไปจะเป็นยาระบาย

“จริงๆสมุนไพรที่เป็นพวกอาหาร พืชผักต่างๆมีสรรพคุณลดไขมันในเลือด ลดความดันโลหิตสูงหลายชนิด อาทิ กระเทียม ใบกระเพรา ดอกคำฝอย อบเชย พริกชี้ฟ้า พริกไทยดำ ลูกเดือย หรือแม้กระทั่งขมิ้นชิน สมุนไพรเหล่านี้หาง่าย และรับประทานได้ทุกวัน นำมาเป็นประกอบของการปรุงอาหารได้ ไม่ก่อให้เกิดอันตราย เพียงแต่หลักการง่ายๆคือ ต้องรับประทานแบบหมุนเวียน ให้มีความหลากหลาย สิ่งสำคัญในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง หรือเบาหวานต้องป่วยไม่มาก จะเห็นผล แต่หากมีระดับน้ำตาลในเลือด หรือไขมันในเลือดมากเกินไป ต้องปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาควบคู่กันแบบผสมผสาน และต้องหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและเหมาะสมด้วย”นพ.ธวัชชัยกล่าว

นพ.ธวัชชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับขมิ้นชัน มีการวิจัยจากองค์การเภสัชกรรม(อภ.) ว่าฤทธิ์ของขมิ้นชันไม่ได้แค่รักษาอาการปวดท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อเท่านั้น แต่ยังลดไขมันในเลือด โดยให้ผู้ป่วยผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจกลุ่มหนึ่งลองกินขมิ้นชันหลังผ่าตัดพบว่า มีโอกาสอุดตันซ้ำน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่รับประทานขมิ้นชันอย่างมีนัยยะ จึงเป็นสมุนไพรอีกตัวที่หาง่ายและไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม เพื่อความมั่นใจคาดว่าคู่มือดังกล่าวจะแล้วเสร็จไม่เกินเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้เป็นอย่างช้า เพื่อให้เป็นคู่มือกับแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก รวมทั้งประชาชนที่สนใจ

ขอบคุณภาพจากhttp://fund.dtam.moph.go.th

สนับสนุนเนื้อหาโดย กรุงเทพธุรกิจ (BangkokBizNews)детская одежда недорого украина