ปิดเมนู
หน้าแรก

9 วิธี กินอย่างไร ช่วย “ต้านมะเร็ง”

เปิดอ่าน 82 views

9 วิธี กินอย่างไร ช่วย “ต้านมะเร็ง”

แม้ว่าความเสี่ยงของโรคมะเร็งที่เห็นได้อย่างชัดเจน จะเป็นเรื่องของ “กรรมพันธุ์” หากพบพ่อแม่พี่น้องในครอบครัว หรือเครือญาติเป็นโรคมะเร็ง เราก็อาจเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งชนิดนั้นๆ ไปด้วย แต่นอกเหนือจากกรรมพันธุ์แล้ว วิถีชีวิต และอาหารการกินก็สำคัญไม่แพ้กัน แม้จะเป็นการเพิ่มหรือลดความเสี่ยงของโรคแค่บางส่วน แต่รับรองว่าหากทานอาหารได้ตามคำแนะนำของ สำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยา หรือ อย. แล้ว นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งได้ ยังช่วยให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นจนเห็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนแน่นอน

9 วิธี กินอย่างไร ช่วย “ต้านมะเร็ง”

  1. รับประทานผักให้หลากสีเพื่อความหลากหลายทางคุณค่าอาหาร
  2. รับประทานผลไม้เป็นประจำ เพราะมีวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยอาหารที่ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่าย
  3. รับประทานธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี หรือขัดสีให้น้อยที่สุด เพื่อให้คงคุณค่าทางโภชนาการไว้และเส้นใยจากธัญพืชจะช่วยพาสารที่เป็นโทษต่อร่างกายออกไป เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งทางเดินอาหาร และมะเร็งในลำไส้ใหญ่ เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต เป็นต้น
  4. เพิ่มการใช้เครื่องเทศในอาหาร เพื่อให้ได้รับแร่ธาตุ วิตามิน และสารประกอบอื่นๆ เช่น พริกไทย พริกแห้ง ขิง ขมิ้น อบเชย ยี่หร่า ลูกผักชี กระวาน กานพลู เป็นต้น
  5. รับประทานน้ำผักผลไม้ เพื่อเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ (ทานพร้อมกากจะดีที่สุด)
  6. ปรุงอาหารให้ถูกวิธี เช่น ไม่ปิ้งย่างอาหารประเภทเนื้อสัตว์จนไหม้เกรียม ไม่รับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆโดยเฉพาะปลาน้ำจืดที่มีเกล็ด และไม่ใช้น้ำมันทอดซ้ำหลายๆ ครั้ง เป็นต้น
  7. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันเลวทั้งจากพืช และจากสัตว์ (>> “ไขมัน” กินอย่างไรถึงจะดี?)
  8. ลดการบริโภคเนื้อแดงเพราะมีไขมันอิ่มตัวสูง (>> ไขมันอิ่มตัว VS ไขมันไม่อิ่มตัว แตกต่างกันอย่างไร?)
  9. ลดการบริโภคอาหารหมักดอง เพราะอาจทำให้ได้รับโซเดียมมากเกินไป (>> 5 วิธีลด “โซเดียม” ลดเค็ม ลดโรค)

การรับประทานอาหารให้ถูกตามหลักโภชนาการข้างต้น จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้ แต่สำหรับผู้ที่เป็นโรคมะเร็งอยู่ รวมถึงคนที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็ง (จากกรรมพันธุ์) ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องร่วมด้วย

 

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : 9 วิธี กินอย่างไร ช่วย “ต้านมะเร็ง”