ปิดเมนู
หน้าแรก

7 โรคร้ายในความสัมพันธ์ ที่ทำให้คู่รักไปสู่จุดแตกหัก

เปิดอ่าน 20 views

7 โรคร้ายในความสัมพันธ์ ที่ทำให้คู่รักไปสู่จุดแตกหัก

Tonkit360

สนับสนุนเนื้อหา

ในความสัมพันธ์ กว่าจะเข้ากันได้ดีคุยกันราบรื่น มันย่อมต้องมีการปรับตัวเข้าหากัน จุดนี้คือจุดสำคัญในการรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาว แต่ถ้ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่คิดจะปรับตัวเองให้เข้ากับใครเลย รวมถึงมีพฤติกรรมบางอย่างที่เป็นตัวของเองชนิดที่ไม่แคร์ใครอื่นแม้แต่ความรู้สึกของคนรักของตัวเอง บางทีอีกฝ่ายก็คงจะรับไม่ไหวเหมือนกัน และถ้าไม่คิดที่จะรู้ตัวว่าความสัมพันธ์มันมีปัญหาที่ตรงไหน อยู่ที่ตัวของคุณเองหรือเปล่า สักวันมันจะพาคู่ของคุณไปสู่จุดแตกหักเข้าจนได้ พฤติกรรมที่ไม่แคร์หัวจิตหัวใจของอีกฝ่ายเลยแบบนี้ ก็ไม่ต่างอะไรจากโรคร้ายในความสัมพันธ์ที่คอยกัดกินและบั่นทอนคู่ของคุณไปจนกว่าจะมีใครสักคนที่หมดความอดทน

1.โรคตัวต้องติดกันตลอดเวลา

กับคนรักที่กำลังคบหากันอยู่ อาจมีการกระทำหลายอย่างที่สร้างความอึดอัดให้กับคุณได้ไม่น้อย หนึ่งในนั้นคือพฤติกรรมนี่แฟนหรือวิญญาณอาฆาตตามติด คือถ้าจะไม่มีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับหายใจหายคอเลยมันก็คงไม่ไหวเหมือนกัน จะรักจะชอบแค่ไหน คนเราย่อมต้องการเส้นที่แบ่งความเป็นส่วนตัวเสมอ ใคร ๆ ก็ไม่ชอบที่จะถูกรุ่มร่ามทั้งเวลาหรือเรื่องส่วนตัวจนขาดอิสรภาพขนาดนี้ ยิ่งคนในยุคนี้หลายคนที่หวงแหนความเป็นส่วนตัวมาก บางคนหวงถึงขั้นยอมอยู่เป็นโสดเลยด้วยซ้ำ คนเหล่านี้จะรู้สึกว่าการคบกับใครสักคนนั้นไม่ใช่คบเพื่อให้มาเป็นเจ้าของชีวิต พวกเขาต้องการความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปในรูปแบบพาร์ทเนอร์ที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจมากกว่า

2.โรคขี้งอนแบบไร้ลิมิต

เรื่องน่าปวดหัวที่คนมีแฟนส่วนใหญ่มักจะเจอเป็นประจำ เกิดขึ้นในเวลาที่ทะเลาะกันหรือมีเรื่องที่คุยกันแล้วไม่เข้าใจ คือการที่อีกฝ่าย “ขี้งอน” มากเกินไป “เกิน” ในที่นี้คือเกินไปมากจริง ๆ นิดหน่อยก็งอน เหมือนจ้องหาจังหวะจะงอนอยู่ตลอดเวลา บางทีก็งอนแบบไร้เหตุผล เรื่องไม่เป็นเรื่องก็สามารถทำให้เป็นชนวนเหตุแห่งการงอนได้ พอจะอธิบายอะไรให้ฟังก็ไม่ค่อยอยากจะฟัง แบบนี้คนง้อก็ชักเหนื่อยที่จะง้อ และพอไม่ง้อเรื่องก็ยิ่งบานปลาย เข้าใจได้ว่าอยากได้ความรัก อยากเป็นคนสำคัญ และคนเราจะไม่งอนคนที่เราไม่รักและไม่ให้ความสำคัญหรอก แต่แค่พอหอมปากหอมคอก็พอ อย่าเยอะเกินไป มันทำให้เหนื่อยใจจริง ๆ นะ และจะกลายเป็นพิษเป็นภัยที่กัดกร่อนบ่อนทำลายความสัมพันธ์ได้

3.โรคขี้หึงเกินเบอร์

คนเราคบกัน จะมีความขี้หึงกันบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก บางทีช่วยกระชับความสัมพันธ์ได้อีกต่างหากถ้าหึงพอกรุบ ๆ แบบให้รู้ว่ารักมากนะหวงมากด้วย แต่มันมีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่ระหว่างรักมากหวงมากกับการที่ไม่ไว้ใจกันเลย ในกรณีที่ฝ่ายหนึ่งมีความขี้หึงในระดับที่สูงมากจนน่ากลัวเวลาที่แสดงออกว่าหึงหวง และคนประเภทนี้จะมีความหวาดระแวงกลัวว่าคุณจะนอกใจอยู่ตลอดเวลา คิดมาก คิดเองเออเอง แยกแยะไม่ได้ว่าพฤติกรรมของรักมันน่าสงสัยหรือว่าหลอนไปเอง ตรงนี้นี่เองที่จะเป็นปัญหา เพราะมันส่งผลต่อความรู้สึกของคุณและความสัมพันธ์ในระยะยาวแน่นอน ดีไม่ดีมันอาจมีเรื่องของความรุนแรงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ในวันที่เขาหรือเธอสติแตก ความเป็นพิษระดับสิบกะโหลก

4. โรคจู้จี้จุกจิกเก่ง จอมบงการยืนหนึ่ง

เวลาเจอคนนิสัยแบบนี้ เอาเข้าจริงมันชวนรำคาญมากกว่าอึดอัดอีกนะบอกตรง ๆ และคนเราเวลารำคาญมาก ๆ ก็จะมีอารมณ์หงุดหงิดตามมา คือต้องบอกว่าไม่มีใครชอบหรอกนะพวกที่ชอบออกคำสั่งน่ะ ขนาดคำสั่งที่ทำตามแล้วได้เงินเรายังไม่ค่อยจะปลื้มเลย แล้วนี่ไม่ได้อะไรนอกจากความรำคาญและหัวเสีย ชีวิตก็มีอยู่แค่นี้ จงเป็นอิสระให้มากกว่าที่จะถูกควบคุมเถอะ คนที่ออกคำสั่งได้น่ะ แค่เจ้านายคนเดียวก็เกินพอแล้ว เพราะฉะนั้น นิสัยที่เที่ยวไปออกคำสั่งหรือบงการให้ใครต้องทำนู่น ไม่ทำนี่ มีปัญหากับทุกสิ่งที่แฟนทำเนี่ยเบาได้ก็เบา ใจเขาใจเราบ้าง ถ้าเราเป็นฝ่ายโดนเองบ้างก็คงรู้สึกไม่พอใจเหมือนกัน ถ้าไม่ชอบก็อย่าไปทำกับคนอื่น

5.โรคไม่ยอมเคลียร์ให้จบ

คู่รักก็เหมือนลิ้นกับฟัน มีไม่เข้าใจกันบ้างทะเลาะกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา โดยบางคนมีนิสัยโกรธแล้วเงียบ ขอออกจากสถานการณ์ตรงนี้ไปสงบสติอารมณ์ก่อน มันคุยกันไม่รู้เรื่อง อันที่จริงมันก็มีข้อดีอยู่ ตรงที่ถ้าต่างฝ่ายต่างกำลังโกรธกันจัด ๆ การเงียบแล้วแยกย้ายอาจเป็นการจบสถานการณ์ตรงนั้นที่ดีที่สุดแล้ว เรื่องมันจะได้ไม่ใหญ่กว่าเดิม เวลาเลือดขึ้นหน้าส่วนใหญ่ก็พูดกันไม่รู้เรื่องทั้งนั้น แต่ปัญหามันอยู่ที่บางคนเงียบแล้วเงียบเลยไม่ยอมเคลียร์หลังจากที่ตัวเองใจเย็นลง มันจะเกิดปัญหาแบบที่ผูกปมเชือกแล้วไม่ยอมแก้ แล้วเดี๋ยวก็มีปมใหม่ผูกทับลงไปอีก ดังนั้น หันหน้ามาเคลียร์ปัญหาไม่ให้มันคาราคาซังจะดีกว่า แก้ให้มันจบเป็นปม ๆ ไป

6.โรคฉันถูกเสมอเพราะโลกหมุนรอบตัวฉัน

เป็นคนอีกประเภทที่คุยด้วยยากมาก ซึ่งคนประเภทนี้รู้จักกันแรก ๆ ก็อาจจะไม่ได้น่ากลัวขนาดที่ทำให้ความสัมพันธ์เป็นพิษได้หรอก เพราะยังรู้จักกันเพียงผิวเผิน ไม่ได้จำเป็นต้องคลุกคลีอะไรมาก อีกอย่างบางคนก็ดูมีความน่าสนใจตรงที่ดูเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูงก็แค่นั้น แต่พอมาคบหากันจริง ๆ อาการก็ยิ่งหนักขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง ซึ่งความรักไม่ควรจะเป็นไปในรูปแบบนี้เลยจริง ๆ มันดูไม่ให้เกียรติกัน แถมยังทำให้อีกฝ่ายรู้สึกด้อยค่าลงไปอีก มันไม่แฟร์กับการที่ต้องมีคนใดคนหนึ่งยกตนข่มท่านอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ตลอด เอาแต่ใจที่หนึ่ง ฉันถูกเสมอ โลกต้องหมุนรอบตัวฉัน ทุกอย่างต้องอยู่ในความควบคุมของฉัน ส่วนคนอื่นก็ต้องรับบทคนผิดเรื่อยมา ไม่ไหว ๆ

7.โรคอารมณ์รุนแรงจนควบคุมตนเองไม่ได้

พวกที่มีอารมณ์รุนแรงจนถึงขั้นควบคุมตัวเองไม่ได้ เมื่อใดก็ตามที่มีอะไรไม่ได้ดั่งใจก็จะโกรธ โมโห เสียงดัง ทำลายข้าวของ หนักสุดอาจนำพาความสัมพันธ์ไปสู่ความรุนแรงได้เลย แบบโกรธขึ้นมาทีถึงขั้นลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกาย ไม่พอใจตบ ไม่ได้ดั่งใจเตะ ซึ่งถ้ามันไปถึงจุดนั้นมันจะไม่ใช่เรื่องของคน 2 คนอีกแล้ว เพราะนั่นมันเป็นอาชญากรรมด้วยซ้ำ มันผิดกฎหมาย อีกอย่างมันยังเป็นพฤติกรรมที่ร้ายแรงมากในความสัมพันธ์ คนเราเป็นลูกมีพ่อมีแม่ บางคนพ่อแม่เลี้ยงมายังไม่เคยทำรุนแรงอะไรเลย จริง ๆ แล้วฝ่ายที่ใช้ความรุนแรงก็เป็นได้ทั้งหญิงและชายนั่นแหละ แต่อาจเจอเป็นผู้ชายมากกว่า และผลลัพธ์ที่เกิดกับฝ่ายหญิงก็จะรุนแรงกว่าด้วย ด้วยสรีระและพละกำลังของฝ่ายชาย

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : 7 โรคร้ายในความสัมพันธ์ ที่ทำให้คู่รักไปสู่จุดแตกหัก