จำนวนโรงกลั่นเบียร์ท้องถิ่นเพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลาในสหรัฐอเมริกา จากชายฝั่งถึงชายฝั่ง (และทุกที่ในระหว่างนั้น) โรงเบียร์เอกชนเป็นผู้ผลิตเบียร์รสเลิศหลากหลายเพื่อตอบสนองความรู้สึกในการรับรสมากมาย ทั้ง IPAs, Hoppy IPAs, Robust ales และ Pilsners ที่สดชื่น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของขบวนพาเหรดที่เรานำเสนอ และเป็นโชคดีสำหรับผู้ที่รักเบียร์ที่โรงเบียร์เหล่านี้เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเยี่ยมชมและชิมเบียร์สดใหม่ที่เพิ่งกลั่นจากถัง

บางโรงเบียร์ยังมีร้านอาหารเต็มรูปแบบที่เปิดให้บริการควบคู่กันไปด้วย เราได้ทดลองชิมเบียร์จากทั่วประเทศ และมีการวิจัยแบบเมาๆ ขึ้นมา เพื่อคัดเลือกที่ที่ดีที่สุดเจ็ดแห่งในสหรัฐฯ สำหรับคอเบียร์ ดังนี้

1. พอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน

หากจะถามว่าโรงเบียร์แห่งใดที่เป็นสุดยอดของความเข้มข้นในการทำเบียร์นั้น เราขอตอบได้เลยว่า พอร์ตแลนด์จะอยู่ในอันดับต้นๆ ของเราเลยล่ะ การดำเนินการขนาดใหญ่ที่ได้กระทบไหล่กับโรงผลิตเบียร์ขนาดเล็กที่ Rose City ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980 ทั้งโรงเบียร์ขนาดเล็กและขนาด nano (โรงเบียร์ที่ผลิตเบียร์ได้ไม่เกินสี่ถังหรือน้อยกว่า) เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับชาวท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว โรงเบียร์ Deschutes, Hopworks Urban Brewery และ Upright Brewing เป็นรายการโปรดตลอดกาล ที่มีบริการที่ไม่สิ้นสุดในเมืองที่น่ารักและเป็นมิตรกับเบียร์

2. เดนเวอร์ รัฐโคโลราโด

เมือง Mile High มีชื่อเสียงมายาวนานในการเป็นที่รู้จัก ความรักชื่นชอบ และการผลิตเบียร์ที่ดีที่สุดในเมืองนี้ ในขณะที่สำนักงานใหญ่ของ Coors สามารถพบได้ที่นี่ มีโรงผลิตเบียร์ขนาดเล็กเกิดและขยับขยายมากขึ้นที่เดนเวอร์นี้ ยกตัวอย่างเช่น โรงเบียร์ Wynkoop เปิดตัวในปี 1988 เป็นโรงผลิตเบียร์ฝีมือดั้งเดิมของเดนเวอร์ จึงเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการเริ่มรวบรวมข้อมูลโรงเบียร์ของคุณ ที่สำคัญที่เมืองนี้จะมีการจัดงาน Great American Beer Festival ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และเป็นงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศอีกด้วย

3. ซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย

สถานที่นี้เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยแสงแดดกลายมาเป็นที่ชื่นชอบของนักดื่มเบียร์ ในเมืองนี้มีโรงผลิตเบียร์มากมายกว่า 30 แห่ง อาทิ Stone Brewing, Mission Brewery, Lost Abbey, Karl Strauss และ Green Flash ซึ่งโรงผลิตเบียร์เหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และรอบๆ เมือง Stone Brewing ยังมีการเปิดร้านริมน้ำเพื่อให้ผู้เข้าชมสามารถรับประทานอาหารและดื่มเบียร์ได้ในช่วงเวลายามค่ำคืน

4. บอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์

เมืองนี้รู้ดีว่าการผลิตเบียร์ที่ดีนั้นต้องทำอย่างไร ย้อนกลับไปในอดีต นักบุญได้ออกเรือแล่นเรือไปที่เวอร์จิเนีย แต่เนื่องจากภาวะขาดแคลนเบียร์ เรือจึงได้จอดเทียบท่าที่เมืองนี้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ ซึ่งในสมัยนั้น การดื่มเบียร์นั้นปลอดภัยกว่าการดื่มน้ำเปล่ามาก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมืองเบียร์ดั้งเดิมของอเมริกาก็เริ่มต้นขยับขยายธุรกิจเบียร์ออกไปเรื่อยๆ และปัจจุบันมีโรงเบียร์ขนาดเล็กหลายแห่งที่กำลังดำเนินการอยู่และเป็นที่นิยมมาก อาทิเช่น Harpoon Brewery และ Trilium

5. ฟิลาเดเฟีย รัฐเพนซิลวาเนีย

เมืองแห่งความรักพี่น้องก็เป็นเมืองแห่งความรักของเบียร์ โรงเบียร์ที่เต็มไปด้วยเบียร์ก็เป็นแกนนำตั้งแต่การก่อตั้งของ Philly และเจริญเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความนิยมและความอุดมสมบูรณ์ตั้งแต่นั้น Pilsners นั้นเคยเป็นชื่อเรียกของเกมมาก่อน แต่ด้วยการขยายความหลากหลายและการเลือกเฟ้นหาเบียร์หัวกด ชื่อ Pilsners ก็กลายมาเบียร์ที่เป็นที่รู้จักกันมาจนถึงทุกวันนี้ เมือง Center City จะเป็นศูนย์รวมการดำเนินการของโรงเบียร์ขนาดเล็ก เช่น Nodding Head ซึ่งถือเป็นจุดที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นของค่ำคืน

6. ออสติน รัฐเท็กซัส

ออสตินดึงดูดผู้คนที่หลากหลายตั้งแต่ศิลปินผิวสีไปจนถึงผู้ประกอบกิจการแสนเก๋ไก๋ที่ชอบทุกอย่างที่เมืองหลวงของเท็กซัสจะนำเสนอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปแบบของการผลิตเบียร์ การดำเนินการส่วนมากมักจะอยู่ที่ถนน Sixth Street ที่ซึ่งสามารถพบเห็นร้านอาหารและบาร์ในเมืองได้ ความรู้สึก Funky นิดๆ ทำให้เกิดแบรนด์ของเบียร์ที่เป็นเอกลักษณ์ ตัวอย่างเช่น โรงเบียร์ Hops & Grain เป็นโรงเบียร์ที่มีความมุ่งมั่นในเชิงนิเวศที่น่าสนใจ พวกเขาใช้เมล็ดพืชรีไซเคิลของพวกเขามาทำเป็นขนมปังกรอบสำหรับสุนัขด้วย

7. ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย

โรงเบียร์ขนาดเล็กและแบบ Nano มีอำนาจสูงสุดในบริเวณ Bay Area ซึ่งจะมีเบียร์มากกว่าหนึ่งบาร์เรลที่มีส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ตามฤดูกาลและรสชาติแบบท้องถิ่น บริษัท Moonlight Brewing Company มีการใช้กิ่ง Redwood และต้นซีดาร์ในส่วนผสมของตนเอง และบริษัท New Albion Brewing เป็นโรงเบียร์ขนาดเล็กแห่งแรกที่เปิดให้บริการภายในเมืองนี้ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจำนวนของโรงผลิตเบียร์ก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้แคลิฟอร์เนียแห่งนี้กลายเป็นที่รู้จักสำหรับคอเบียร์