สุดยอด 5 ประโยชน์ของเซ็กส์ ที่ดีต่อสุขภาพเรา ในแบบที่คิดไม่ถึงมาก่อน

อย่างนี้มันต้องจัดบ่อยๆ ซะแล้ว ถ้าจะดีงามต่อใจแบบนี้ สุดยอด 5 ประโยชน์ของเซ็กส์ ที่ดีต่อสุขภาพเรา ในแบบที่คิดไม่ถึงมาก่อน

ต่อไปนี้เซ็กส์จะไม่ได้เป็นเพียงแค่กิจกรรมสร้างความสนุกสนานบนเตียงอีกต่อไป แต่มันจะกลายเป็นกิจกรรมบำบัดชีวิต ที่ดีต่อสุขภาพจริงอะไรจริงแล้วแหละครับ เพราะจากผลการศึกษาหลากหลายแห่งได้ระบุออกมาแล้วว่า นอกจากมันจะทำให้ชีวิตรักของเรามีความซู่ซ่าแล้ว แต่ว่ามันยังดีต่อสุภาพของเราอีกต่างหากด้วยนะ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กๆ อย่างทำให้สมองโล่งตลอดไปถึงอาจจะช่วยป้องกันมะเร็งเลยด้วย นี่มันเหมือนเป็นยาดีที่ไม่ต้องเสียตังเลยซักบาทจริงๆ เราไปดูกันเลยดีกว่าว่า สุดยอด 5 ประโยชน์ของเซ็กส์ นั้นจะมีอะไรบ้าง

มีความสบายตัวและหลับง่าย

เมื่อเราเสร็จกิจ โดยอัตโนมัติร่างกายของเราจะหลั่งฮอร์โมนหลากหลายชนิดออกมาซึ่งตัวสำคัญก็คืออออซิโทซินและโปรแลคติน ที่มีหน้าที่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายและหลับสบาย และที่สำคัญเมื่อหลังจากการมีเซ็กส์นั้นร่างกายเราจะหลั่งสารนี้ออกมา 4 เท่าตัวจากปกติเลยนะจึงไม่แปลกที่เสร็จกิจทีไรแล้วจึงเพลียแล้วหลับง่ายทุกที

สุขภาพใจมีความดีขึ้น

ผลการศึกษาได้เผยว่าการมีเซ็กส์ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ มีส่วนในการลดโอกาสที่จะเกิดโรคหัวใจวายเฉียบพลัน รวมไปถึงโรคหลอดเลือดสมองได้ถึงครึ่ง สาเหตุมาจากการที่ร่างกายได้สูบฉีดเลือด ทำให้ร่างกายใด้ใช้งานเต็มที่

ความคิดแล่นและกำจัดความเครียด

โดยปกติแล้วคนเราจะมีความเครียดจากการทำงานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องเสนองานพูดต่อหน้าคนหลายคน แต่การศึกษาได้พบว่าคนที่มีเซ็กส์มาก่อนในระยะเวลา 2 สัปดาห์ก่อนหน้านั้น ระดับความดันเลือดจะขึ้นน้อยและกลับสู่ปกติเร็วกว่าคนทั่วไปที่ไม่ได้มีเซ็กส์

แก่ช้าหน้าดูมีความเด็ก

ผลการศึกษาได้เผยถึงพฤติกรรมในการมีเซ็กส์ สรุปได้ว่าการมีเซ็กส์อย่างน้อย 3 ครั้งใน 1 สัปดาห์ จะดูอ่อนเยาว์กว่าวัยถึง 10 ปี เพราะการมีเซ็กซ์ช่วยเพิ่มระดับโกรทฮอร์โมน ออกซิเจนในกระแสเลือด และเทสโทสเทอโรน ซึ่งเป็นตัวหลักในการชะลอวัยของมนุษย์เรา

เซ็กส์อาจจะกันมะเร็งได้

มีการศึกษาที่ใช้ผู้ชายกว่า 29,000 คน มาร่วมทดลอง ได้ข้อสรุปออกมาว่า ถ้าเทียบกับคนที่หลั่งแค่เดือนละ 4-7 ครั้ง คนที่หลั่งเดือนละไม่ต่ำกว่า 21 ครั้ง มีโอกาสเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากต่ำกว่า เพราะการทำความสะอาดท่อเป็นระยะๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการสะสมของสารก่อมะเร็งนั่นเอง

Credit: Men.MThai เรียบเรียงเนื้อหา