ปิดเมนู
หน้าแรก

วิธีขัดผิวให้ผิวกระจ่างใส อย่างเป็นธรรมชาติ

เปิดอ่าน 87 views

วิธีขัดผิวให้ผิวกระจ่างใส อย่างเป็นธรรมชาติ

ผิวที่หมองคล้ำทำให้คุณดูไม่สดชื่นและหมดความมั่นใจ การผลัดเซลล์ผิวให้ขาวใสสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการขัดผิว เรามีวิธีขัดผิวขาวที่ถูกต้องและไม่ทำร้ายผิวของคุณ

เราต่างปรารถนาผิวสวย กระจ่างใส และเรียบเนียน ซึ่งการดูแลผิวเป็นประจำ รวมไปถึงการขัดผิวสามารถช่วยให้เรามีผิวสวยสมใจได้ การขัดผิวจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าหรือเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก พร้อมกระตุ้นให้เกิดผิวใหม่ที่กระจ่างใส การขัดผิวยังเป็นการทำความสะอาดสิ่งอุดตันในรูขุมขนและช่วยลดริ้วรอย โดยการขจัดเซลล์ผิวเก่าและเผยเซลล์ผิวใหม่ที่ดูสดชื่นและเยาว์วัยกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม การขัดผิวที่ไม่เหมาะสมอาจเป็นตัวการทำลายผิวทำให้เกิดปัญหาผิวแห้งหรือสามารถนำไปสู่ปัญหาผิวหนังอื่นๆได้ คำแนะนำทางด้านล่างนี้คือวิธีขัดผิวที่ได้ผลดีที่สุดพร้อมคำอธิบายถึงประโยชน์ของการขัดผิว รวมถึงคำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื่นและเนียนสวยอย่างเป็นธรรมชาติหลังการขัดผิว

วิธีขัดผิว: ทำไมเราต้องขัดผิว ?

การขัดผิวเป็นการปรับสภาพผิวและขจัดเซลล์ผิวเก่าที่สะสมอยู่บนชั้นผิวให้หลุดออกไป ผิวที่ไม่ได้รับการผลัดเซลล์ผิวเป็นเวลานานจะเกิดการอุดตันของสิ่งสกปรก และก่อให้เกิดอาการแห้งซึ่งนำไปสู่การเกิดริ้วรอยในที่สุด ดังนั้นการขัดผิวจะช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้วและช่วยลดรอยดำบนชั้นผิว พร้อมกระตุ้นให้เกิดเซลล์ผิวใหม่ที่ดูชุ่มชื้นขึ้นมาแทนที่

อย่างไรก็ตาม คุณจำเป็นต้องขัดผิวด้วยวิธีการที่ถูกต้องเพื่อป้องกันการระคายเคือง และคุณไม่จำเป็นต้องขัดผิวทุกวัน เนื่องจากการขัดผิวเป็นการกำจัดผิวหนังชั้นบน ดังนั้นการพักผิวจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง การขัดผิวจะลดความแข็งแรงของชั้นผิวจึงทำให้ผิวชั้นนอกต้านทานต่อปัจจัยภายนอกอย่างแสดงแดดและมลภาวะได้น้อยลง

หากคุณมีผิวแห้ง การขัดผิวเพียงอาทิตย์ละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าคุณมีผิวมัน คุณสามารถขัดผิวได้บ่อยขึ้น เช่น ประมาณ 4 ครั้งต่อสัปดาห์ นอกจากนี้การขัดผิวอาจทำให้ผิวแห้งได้ ดังนั้นคุณควรทาครีมบำรุงหลังขัดผิวเสร็จเพื่อให้กระบวนการขัดผิวทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบและรักษาให้ผิวมีความชุ่มชื้น

วิธีขัดผิว: อุปกรณ์ที่ใช้ขัดผิว

อุปกรณ์ขัดผิวนั้นแบ่งออกได้ 2 ประเภทคืออุปกรณ์ขัดผิว และสารทำความสะอาด

อุปกรณ์ขัดผิวนั้นจะประกอบด้วยเม็ดขัดสังเคราะห์หรือวัตถุดิบตามธรรมชาติ เช่น น้ำตาล โอ๊ตมีล และเกลือ ซึ่งถูกสกัดเป็นชิ้นเล็กๆ เม็ดขัดหรือสารสกัดจะทำหน้าที่ขจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วที่อุดตันรูขุมขนอยู่ ดังนั้นการขัดผิวด้วยอุปกรณ์ดังกล่าวจึงเหมาะกับคนที่มีผิวมันหรือผิวที่เกิดสิวได้ง่าย

ส่วนสารทำความสะอาดนั้น โดยปกติแล้วจะประกอบด้วยสารอัลฟ่า-ไฮดรอกซี (AHA) หรือเบต้า-ไฮดรอกซี (BHA) โดยกรดที่อ่อนโยนดังกล่าวจะช่วยกำจัดสารบางอย่างที่ชะลอการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว โดยิธีนี้จะเหมาะกับคนที่มีผิวแห้งหรือผู้สูงวัยเพื่อทำให้ผิวเรียบเนียนและช่วยลดค่าความเป็นกรดด่างอีกด้วย

อุปกรณ์ขัดผิวนั้นมีมากมายให้เลือกตามความชอบและความเหมาะสมกับสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็น ใยบวบ ใยขัดตัว ถุงมือขัดผิว หินขัดตัว หรือผลิตภัณฑ์ขัดตัวรูปแบบอื่นๆที่มีขายตามร้านขายยาทั่วไป ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรืออุปกรณ์ใดก็ตาม คุณควรขัดผิดผิวให้เหมาะสม ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป และหลีกเลี่ยงการขัดที่รุนแรงจนก่อให้เกิดความระคายเคืองได้

วิธีขัดผิว: เพื่อผิวกระจ่างใส

    1.  ทำความสะอาดร่างกายก่อนการขัดผิว เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่ตามผิวหนังและช่วยให้สครับขัดผิวเข้าถึงเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพตามรูขุมขนให้ง่ายขึ้น
    2. ขณะอาบน้ำ คุณสามารถใช้อุปกรณ์ขัดผิวเพื่อวิธีขัดผิวขาวที่ได้ผลดียิ่งขึ้น เช่น ใยบวบ ถุงมือ หรือแม้กระทั่งมือเปล่าในการขัดผิวตามวิธีที่กล่าวไว้เบื้องล่าง
    3. ขัดผิวด้วยอุปกรณ์ขัดผิวเช่น ใยบวบ หรือ ถุงมือ โดยขัดในลักษณะวนไปมาเบาๆ เน้นไปที่บริเวณผิวที่คล้ำและหยาบกร้าน เช่น ข้อศอก หรือ เข่า
    4. ระมัดระวังการขัดผิวบริเวณหน้า ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่าใช้กับผิวหน้าและใช้มือในการนวดผลิตภัณฑ์เท่านั้น
    5. ระยะเวลาในการขัดผิวควรทำประมาณ 5-10 นาที และไม่ควรขัดผิวนานจนเกินไป เพราะอาจให้ผิวเกิดความระคายเคือง โดยเฉพาะบริเวณที่บอบบาง
    6. หลีกเลี่ยงการขัดผิวหากผิวมีบาดแผลหรือมีอาการผิวไหม้จากแสงแดด
    7. ล้างสครับออกจากผิวด้วยน้ำอุ่นและตามด้วยการอาบด้วยน้ำเย็นอีกรอบเพื่อเป็นการกระชับรูขุมขน
    8. ซับตัวให้แห้งด้วยผ้าขนหนูและชโลมโลชั่นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น โลชั่นที่มีประสิทธิภาพช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นได้อย่างอ่อนโยนและเร่งกระบวนการเกิดของเซลล์ผิวใหม่ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ไม่เหนียวเหนอะนะและซึมซาบเข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างรวดเร็ว จึงเหมาะเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่มองหาครีมบำรุงที่ปกป้องได้อย่างยาวนาน
    9. การขัดผิวที่ถูกต้องและการขัดในระยะเวลาที่เหมาะสม จะช่วยฟื้นฟูให้ผิวสุขภาพดี และดูกระจ่างใสเรียบเนียนอีกด้วย

JMC Cosmetic Training Center (JMC)

ศูนย์อบรมเครื่องสำอาง JMC

(JMC Cosmetic Training Center )

“เชื่อว่าการลงทุนที่ดีที่สุดในยุคนี้ คือการลงทุนเรื่องการผลิตเครื่องสำอางเพื่อต่อยอดธุรกิจ ซึ่งในปัจจุบัน ธุรกิจเครื่องสำอางกำลังเติบโตกระโดดก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทำอย่างไรเราจะก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจนี้ได้ ทำอย่างไรธุรกิจ ของเราจะไปรอดในภาวะการแข่งขันที่สูง มาร่วมพัฒนาศักยภาพในการแข่งขัน เพื่อสร้างจุดแข็งให้กับธุรกิจของคุณกับเรา

เราสามารถจัดอบรบแบบส่วนตัวหรือจัดเป็นกลุ่ม พร้อมเลือกหัวข้อและระยะเวลาในการอบรมที่เหมาะสม เพื่อให้ได้เนื้อหาครอบคลุมหัวข้อตรงกับความต้องการและสามารถนำไปใช้ได้จริง ผู้เข้าอบรบจะได้ทดลองปฏิบัติ ด้วยตนเองพร้อมได้รับสูตรผลิตภัณฑ์ ”

Start Up ธุรกิจความงาม (เครื่องสำอาง เวชสำอางและสปา) ผู้ประะกอบธุรกิจต้องมีความรู้พื้นฐานของโครงสร้างผิว สมุนไพร คุณสมบัติสมุนไพร การสกัดจากสมุนไพร สารสกัดจากธรรมชาติและอื่นๆ ก่อนที่คุณจะเริ่มลงมือทำธุรกิจเครื่องสำอางอย่างจริงจัง การเริ่มต้นธุรกิจที่ดีที่สุดคุณควรเริ่มต้นด้วยการสำรวจความต้องการของลูกค้าด้วยตัวคุณเองและวางแผนเริ่มต้นให้ดีในทุกส่วนความรู้พื้นฐานการบริหารธุรกิจฯ 

ก่อนที่จะลงทุนต้องทำความเข้าใจกับสินค้าให้ดีว่ามีคุณภาพดีพอที่จะวางขายได้หรือยัง เพราะความจริงสิ่งที่คุณจะเริ่มลงทุนเพราะเห็นถึงกำไรที่จะกลับมาแต่หากลืมไปว่า ผู้ประกอบการท่านอื่นๆ ก็มองเห็นโอกาสนี้เช่นเดี่ยวกับคุณในมุมกลับกันรองสำรวจดูว่าคุณมีลูกค้าตัวจริงอยู่หรือไมเพราะมันไม่ง่ายที่ใครจะยอมควักเงินออกจากกระเป๋ามาซื้อสินค้าจากคุณ

รูปแบบเนื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่เราเห็นจำหน่ายในตลาด มี 5 รูปแบบต่างๆดังนี้

1. ครีม (Cream)

ครีมบำรุงผิวส่วนใหญ่ในท้องตลาดจะมีส่วนผสมของน้ำมัน ไขมัน แว็กซ์ (Oil ,Fat,Wax ) + น้ำ ,สารออกฤทธิ์ที่ละลายน้ำ (Water) +ตัวประสานท (Emulsifier ) ในสัดส่วนที่แตกต่างกันไป ซึ่งจะทำให้ได้เนื้อครีมที่มีความหนืดสูง กว่าอิมัลชั่นรูปแบบอื่นๆ ครีมเหมาะสำหรับคนที่ผิวแห้ง เนื่องจากผิวขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้านหรือมีริ้วรอยอ่อนกว่าวัยได้

2. โลชั่น (Lotion)

เนื้อโลชั่นมีลักษณะคล้ายครีมมาก แต่จะมีส่วนประกอบของน้ำ (Water) มากกว่า น้ำมัน ไขมัน แว็กซ์ (Oil,Fat,Wax) มักมีความหนืดต่ำกว่าเนื้อครีม โลชั่นเหมาะสำหรับผิวธรรมดาและผิวผสม

3. เซรั่ม (Serum)

เนื้อเซรั่มส่วนใหญ่จะใสหรือขุ่นเล็กน้อย มีเนื้อสัมผัสที่บางเบา เพราะเป็นเนื้อแบบ Water Based หากเทียบกับการผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดอื่น เนื้อเซรั่มจะสามารถเติมสารออกฤทธิ์ต่างๆได้สูง ช่วยเรื่องการบำรุงซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะและเหมาะกับผิวทุกประเภท

4. เจล (Gel)

มีลักษณะเนื้อเจลใสทรงตัวอยู่ได้ ซึ่งเป็นสารประเภท โดยมีสารสร้างเนื้อเจลที่มาจากธรรมชาติและสารสังเคราะห์กลุ่ม Polymer ประเภทต่างๆ

โครงสร้างภายในสารสร้างเนื้อเจล (Gelling Agent) สามารถอุ้มน้ำได้หลายเท่าตัว จึงนำมาใช้ทำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวประเภทเพิ่มความชุ่มชื้น เพิ่ม Natural Moisturizing Factor ให้กับผิวเป็นส่วนใหญ่

5. เนื้อฟลูอิค (Fluid) หรือเนื้อเอสเซ้นส์ (Essence)

เป็นเนื้อกึ่งเซรั่ม มีเนื้อสัมผัสเนื้อบางเบา สามารถเพิ่มความเข้มข้นสารออกฤทธิ์(Active Ingredient) ที่ความเข้มข้นสูงๆได้ เป็นได้ทั้ง Emulsion Based/ Water Based ซึมเข้าสู่ผิวได้เร็ว เกลี่ยง่าย การบำรุงผิวมีประสิทธิภาพเห็นผลชัดยิ่งขึ้น

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์รูปแบบต่างๆให้เหมาะสมกับสภาพผิวหน้า และควรทดสอบการแพ้ผลิตภัณฑ์ก่อนใช้เสมอ

วัตถุประสงค์ของการเรียนและการวางแผนธุรกิจของคุณ

  • เข้าใจส่วนประกอบการทำครีม เชรั่ม เจลพื้นฐาน
  • สามารถวางแผ่นการตลาดได้ชัดเจนขึ้น
  • เข้าใจต้นทุนวัตถุดิบและแหล่งในการซื้อวัตถุดิบในการทำเซรั่ม ครีมบำรุงผิวเพื่อการทดลองหรือเริ่มต้นธุรกิจ
  • สามารถทดลองและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในเบื้องต้นได้
  • สามารถผลิตและทดลองจำหน่ายเพื่อลองตลาดก่อนสั่งผลิตเพื่อทำในรูปแบบธุรกิจได้

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

ศูนย์อบรมเครื่องสำอาง JMC

(JMC Cosmetic Training Center)

Managing Director

Tel: 083-007-8589, Line ID: careandliving

https://www.facebook.com/JMC-Cosmetic-Training-Center-113166417038006/

สถานที่อบรม :

ศูนย์อบรมเครื่องสำอาง

อาคารเลขที่ 88/22 หมู่บ้าน เนอวานา พาร์ค (Nirvana)

ซ. รามคำแหง 53 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง 10310

มีฝ่าย R&D 
พัฒนาสูตร และผู้เชี่ยวชาญดูแล อย่างใกล้ชิด

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : วิธีขัดผิวให้ผิวกระจ่างใส อย่างเป็นธรรมชาติ