ยาฆ่าเชื้อ มักถูกทำมากินในหลายๆ โอกาส ทั้งๆ ที่ในหลายๆ ครั้ง อาจไม่จำเป็นต้องกินยาฆ่าเชื้อเพื่อรักษา แถมยังกินผิดวิธีอีกด้วย ทำให้เสี่ยงอันตราย และอาจเพิ่มความเสี่ยงดื้อยาด้วย
ผศ. นพ.สหภูมิ ศรีสุมะ แพทย์ประจำสาขาวิชาเภสัชวิทยาและพิษวิทยาคลินิก ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า ยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะ (antibiotic) เป็นยาที่ใช้ฆ่าเชื้อหรือยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัส แก้อาการอักเสบหรือแก้ปวดได้เหมือนการกินยาแก้อักเสบ (anti-inflammatory drugs) เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ปวด ดังนั้นยาฆ่าเชื้อและยาแก้อักเสบจึงไม่ใช่ยาตัวเดียวกัน
“ยาฆ่าเชื้อ” กินอย่างไรให้ถูกวิธี ลดเสี่ยงอันตราย-ดื้อยา
-
ไม่กินยาฆ่าเชื้อโดยไม่จำเป็น
ยาฆ่าเชื้อ ควรกินต่อเมื่อจำเป็นเท่านั้น ต้องมีเชื้อโรคเชื้อแบคทีเรียให้ฆ่า โดยเป็นการพิจารณาจากแพทย์ หากมีอาการเจ็บคอจากหวัด ซึ่งหวัดมักเกิดจากเชื้อไวรัส ไม่มีความจำเป็นต้องกินยาฆ่าเชื้อ เพราะอาการเจ็บคอสามารถหายได้เองตามอาการของโรคที่จะค่อยๆ ดีขึ้น
-
ไม่เพิ่มความแรงของยาฆ่าเชื้อด้วยตัวเอง
ความแรงของยาฆ่าเชื้อ ไม่ควรเพิ่มเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเสี่ยงเชื้อโรคดื้อยาโดยไม่จำเป็น แล้วเราจะต้องการยาที่แรงขึ้นเรื่อยๆ แพงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การรักษาเป็นไปด้วยความยากลำบาก
-
ไม่กินยาฆ่าเชื้อที่เหลือจากของเก่า
-
กินยาฆ่าเชื้อ ต่อเมื่อแพทย์สั่งยาให้เท่านั้น
การติดเชื้อของเราในแต่ละครั้ง อาจเป็นเชื้อที่ต่างกัน ดังนั้นไม่ควรซื้อยาฆ่าเชื้อกินเอง รวมถึงปริมาณที่กิน ก็ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์เช่นกัน ควรรับประทานตามฉลาก ตามคำแนะนำ และต้องรับประทานยาติดต่อกันจนหมดและต่อเนื่อง หากรับประทานยาไม่ต่อเนื่อง เพราะคิดว่าหายดีแล้วและหยุดยาเอง จะทำให้ร่างกายสะสมเชื้อดื้อยา ซึ่งในท้ายที่สุดก็จะเสี่ยงเป็นโรคเชื้อดื้อยา และอาจเจ็บป่วยรุนแรงกว่าเดิม
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : “ยาฆ่าเชื้อ” กินอย่างไรให้ถูกวิธี ลดเสี่ยงอันตราย-ดื้อยา
เรื่องนี้ไม่อนุญาติ ให้แสดงความคิดเห็น