แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา เน้นย้ำว่า ในอนาคตธุรกิจขนาดเล็กจะมาแรง และส่วนใหญ่ก็มักเป็นธุรกิจที่ดำเนินการโดยกลุ่มคนหนุ่มสาว โดยใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นตัวช่วย

วันที่ 10 ต.ค. 59 แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้ง บริษัท อาลีบาบา นำเสนอผลการประชุม เอซีดี คอนเนคท์ บิสซิเนส ฟอร์รั่ม 2016 ของภาคเอกชน ต่อที่ประชุมสุดยอดเอซีดี ครั้งที่ 2 ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพ โดยเขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของกระแสโลกาภิวัฒน์ ที่ทำให้ทุกคนบนโลกเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะธุรกิจอีคอมเมิร์ส ที่ทำให้กลุ่มคนหนุ่มสาวมีโอกาสมากขึ้น รวมถึงกลุ่มธุรกิจรายย่อย

นอกจากนี้ แจ็ค หม่า ยังระบุว่า สมัยก่อนเอเชียต้องไล่ตามตะวันตก แต่ตอนนี้มีธุรกิจอีคอมเมิร์ส จึงทำให้จีนไล่ตามตะวันตกได้มากขึ้น และแม้จีนจะไม่ได้มีห้างสรรพสินค้ามากมายเหมือนตะวันตก แต่เนื่องจากจีนเป็นตลาดมือถือที่ใหญ่ แค่มีมือถือก็ทำให้จีนเชื่อมโยงการค้าถึงกันและกันได้

ทั้งนี้ ในสมัยก่อน เราอาจให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจให้ใหญ่โต แต่ แจ็ค หม่า กล่าวว่า ในอนาคตธุรกิจยิ่งเล็กยิ่งดี และไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่อาจไม่สำคัญมากมายเท่ากับการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนคำกล่าวที่ว่า เทคโนโลยีจะทำให้คนตกงานนั้น แจ็ค หม่า เห็นว่า เป็นแนวคิดที่ล้าสมัย เพราะเทคโลโลยีต่างหากที่จะช่วยให้คนมีงานทำกันมากขึ้น อย่างกรณีของอาลีบาบา บริษัทของเขาที่สร้างงานให้กับคนจีนหลายล้านตำแหน่ง

อีกทั้ง แจ็คหม่ายังวอนขอรัฐบาลให้ช่วยสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานเอื้อให้คนหนุ่มสาวในอนาคต สามารถดำเนินธุรกิจของตนเองได้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นธุรกิจขนาดเล็ก และยังพูดถึงการให้เงินกู้แก่ธุรกิจขนาดเล็กว่า จะต้องทำอย่างรวดเร็ว และในอนาคตเทคโนโลยี จะช่วยให้เกิดการจับคู่ทางธุรกิจได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น

โดยท้ายที่สุด แจ็ค หม่า ต้องการให้เอเชียและตะวันตกเกิดการเรียนรู้วัฒนธรรมและเทคโนโลยีซึ่งกันและกัน แต่การเรียนรู้เทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน