เรื่องราวความลี้ลับจากสถานที่โบราณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ หรือสถานที่ที่ชาวบ้านให้ความเคารพ ในประเทศไทย มักจะมาปรากฎให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ อย่างล่าสุดกับข่าวนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวปราสาทเขาพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ แล้วแอบหยิบดินกลับบ้านเป็นของที่ระลึก แต่ก็ต้องรีบส่งไปรษณีย์กลับมาคืนเพราะคาดว่าน่าจะเจอกับเรื่องลี้ลับ

วันนี้  จึงได้รวบรวมเรื่องราวลี้ลับเหล่านี้มาเล่าสู่กันฟัง ว่าเหล่าคนมือดีที่ไปเที่ยวสถานที่ดังกล่าว แล้วแอบหยิบสิ่งของติดไม้ติดมือกลับบ้าน ต้องประสบพบเจอกับสิ่งลี้ลับอะไรบ้าง ซึ่งก็ต้องบอกว่าเรื่องเหล่านี้นั้นเป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ

เริ่มกันที่เรื่องแรก เมื่อเพจเฟซบุ๊ก อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ได้โพสต์ข้อความว่าได้รับพัสดุชิ้นหนึ่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นนักท่องเที่ยว ส่งกระปุกดินพร้อมข้อความฝากถึงเจ้าหน้าที่ โดยข้อความดังกล่าวระบุว่า “รบกวนฝากคืนดินที่ปราสาทหลังที่กำลังบูรณะด้วยค่ะ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ” ซึ่งใต้โพสต์ก็ได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องราวดังกล่าว พร้อมกับมีบางคอนเมนต์เล่าด้วยว่า

“บอกเลยหยิบไปแบบนี้เจอดีแน่นอน คนพื้นที่จะรู้ดี ว่าศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน” หรือ “20 กว่าปีที่แล้ว ญาติจากนครปฐมมาเที่ยวได้หยิบหินคล้ายๆ พระกลับไปด้วย สุดท้ายต้องเอากลับมาไว้ที่เดิม” พร้อมกลับมีคอมเมนต์ระบุว่า “ชื่นชมได้แต่อย่าหยิบกลับมา”

ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะยังไม่ปรากฎแน่ชัด ว่าเหตุใดนักท่องเที่ยวรายดังกล่าวถึงต้องส่งดินกลับมาคืน แต่จากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ และชาวบ้านนั้น คาดว่าผู้ที่เอาสิ่งของ เช่น ดิน หรือหินที่เขาพนมรุ้งไป มักจะเก็บไปฝันเป็นเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับเขาพนมรุ้ง จนต้องส่งกลับคืนดังกล่าว

• อย่าหาทำ! นักท่องเที่ยวส่งดินคืนปราสาทพนมรุ้ง คาดเจออาถรรพ์ ไม่ใช่รายแรกที่โดน

เรื่องต่อมา เกิดขึ้นที่บ้านกู่ศิลาขันธ์ จังหวัดนครราชสีมา เมื่อมีผู้เดินทางมาท่องเที่ยวชมปรางค์กู่ศิลาขันธ์ แต่กลับมีมือดีนำก้อนหินจำนวน 4-5 กลับไปด้วย

สำหรับสถานที่แห่งนี้ ในสมัยโบราณเชื่อว่า น่าจะใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของคนในสมัยโบราณ ยุคพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ผู้สร้างปราสาทหินพิมาย เชื่อว่าผู้นำก้อนหินไปกลับบ้านไป ได้เจอกับเรื่องราวแปลกๆ เจ็บป่วย และโดนตามหลอกหลอน ทำให้ครอบครัวไม่มีความสุข จึงได้แอบนำก้อนหินทั้งหมดมาวางไว้ดังเดิม

• อาถรรพ์ “กู่ศิลาขันธ์” มือดีหยิบก้อนหินโบราณกลับบ้าน หลอนจนต้องเอามาคืนที่เดิม

เรื่องสุดท้าย ต้องบอกก่อนว่าสถานที่แห่งนี้นั้นไม่ใช่โบราณสถาน แต่เป็นสถานที่ที่ชาวบ้านเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ โดยเป็นเรื่องราวลี้ลับที่เล่าจากชาวบ้าน ม.2 ต.ทมอ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ภายในป่าช้าโคกกลัน โดยเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับจอมปลวกเจดีย์ 5 ยอด ที่ใกล้ๆ กันนั้น ได้พบจอมปลวกกุมารไอ้ไข่ ซึ่งเรื่องราวสุดหลอนนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่มีคนไปเจอรูปหล่อกุมาร เป็นเนื้อผสม ไม่ทราบชนิด สูงประมาณ 2 ซม. บริเวณฐานองค์กุมาร มีข้อความระบุไว้ว่า พระอาจารย์กาหลง วัดเขาแหลม พ.ศ.2539 ถูกฝังอยู่ใต้โคนจอมปลวก เจดีย์ 5 ยอด แต่ก็ได้มีมือดีมาขโมยรูปหล่อกุมารไป ต่อมาไม่นาน ก็ได้พบกับชาวบ้านคนหนึ่ง มีอาการกระวนกระวายมาร้องไห้ ให้พระช่วยรดน้ำมนต์ให้ พร้อมบอกว่ารูปหล่อกุมารน่าจะอยู่บริเวณศาลเจ้าทางเข้าป่า เมื่อไปดูก็พบจริงๆ

ขณะที่ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า ชาวบ้านพบรูปหล่อกุมารอยู่ใต้โคนจอมปลวก เชื่อว่าไม่มีคนมาฝังไว้แน่นอน เพราะสภาพถูกฝังในดินจอมปลวกที่สร้างทับน่าจะนานแล้ว หลวงพ่อเอาไปเก็บไว้ที่วัดแล้ว แต่มีคนขโมยไป แต่เหมือนถูกของทำเข้าตัว จึงร้องไห้นำกลับมาไว้คืน เชื่อว่าเป็นความศักดิ์สิทธิ์แน่นอน มีชาวบ้านบางคนเห็นกุมารหญิงอีก 1 องค์อยู่ในจอมปลวก จะเห็นต่อเมื่อเขาอยากให้เห็น

• หัวขโมยเจอดี ฉก “กุมาร” ถูกจอมปลวกทับ วิ่งร้องไห้มาคืน-ให้หลวงพ่อรดน้ำมนต์

อย่างไรก็ตาม เรื่องของการเดินทางไปท่องเที่ยวชมความงาม และความศักดิ์ของสถานที่ต่างๆ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการไม่ไปหยิบจับสิ่งของใดๆ ในสถานที่นั้น ไม่ว่าสถานที่ดังกล่าวจะมีเรื่องลี้ลับใดๆ หรือไม่ เพราะว่าจะถือเป็นการทำลายโบราณสถาน และอาจเกิดความชำรุดเสียหายได้