ผิวไวต่อแสง อาจก่อให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ ตามมา อีกทั้งยังทำให้ใบหน้าดูเหี่ยว โทรมและแก่ก่อนวัย ซึ่งแสงที่เราต้องเจอในชีวิตประจำวันที่อาจก่อให้เกิดปัญหาผิวเหล่านั้นไม่ใช่แค่แสงแดดแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงแสงจากคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือแสงไฟฟ้าด้วย ซึ่งผิวที่ไวต่อแสงมักจะก่อให้เกิดปัญหาผิวที่ผู้คนเป็นกันอย่างแพร่หลาย ถ้าไม่รับได้การดูแลและป้องกันที่ดี ซึ่งปัญหาผิวเหล่านั้นก็มีดังนี้
1.ฝ้า
ฝ้าเกิดจากเม็ดสีเมลานินที่มากเกินไปในบางบริเวณของผิวหนัง เมื่อผิวหนังส่วนดังกล่าวไวต่อแสงจะทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดเป็นรอยสีน้ำตาลเข้มหรือสีเทา การเกิดฝ้านอกจากแสงแดดแล้วยังอาจเกิดจากโรคบางชนิด เช่น โรคไทรอยด์หรือการรับประทานฮอร์โมนบางชนิดมากเกินไป เช่น การรับประทานยาคุมกำเนิด เป็นต้น
2.กระและจุดด่างดำ
การเกิดกระหรือจุดด่างดำ มักเกิดจากเม็ดสีเมลานินทำงานผิดปกติ เมื่อผิวส่วนนั้นไวต่อแสงก็จะทำให้สีผิวบางส่วนเข้มขึ้น การเกิดกระและจุดด่างดำอาจเป็นผลมาจากฮอร์โมนที่แปรปรวนบวกกับแสงที่ต้องเจอจึงทำให้เกิดกระและจุดด่างดำขึ้นได้
3.ริ้วรอย
ริ้วรอยส่วนใหญ่เกิดมาความเครียดและแสงแดด อีกทั้งการไม่ดูแลรักษาผิวให้ดี บวกกับพฤติกรรมบางอย่าง ก็อาจเสี่ยงต่อการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้เช่นกัน
ปัญหาการเกิดฝ้า กระ และริ้วรอย อาจเป็นปัญหาที่รักษาได้ยากหากเกิดขึ้นมาแล้ว เพราะมักจะกินเวลานานและยังไม่มีใครรับรองได้ว่าจะสามารถรักษาจนหายได้ด้วยวิธีธรรมชาติโดยที่ไม่ต้องเข้าคลินิก ดังนั้นการป้องกันและดูแลผิวจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก และเนื่องจากสิ่งกระตุ้นอันดับต้นๆ ของปัญหาผิวเหล่านี้ก็คือแสง ซึ่งแสงในปัจจุบันที่เราต้องเจอไม่ใช่เพียงแค่แสงแดดอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้นการที่จะปกป้องผิวจากแสงได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือ การทาครีมกันแดดนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม แม้การทาครีมกันแดดจะไม่สามารถป้องกันแสงแดดได้ 100% แต่ก็สามารถป้องกันได้ส่วนหนึ่ง ถือว่ายังดีกว่าไม่ได้ป้องกันอะไรเลย และการเลือกทาครีมกันแดดให้เหมาะสมก็จะช่วยปกป้องผิวได้เป็นอย่างดี ซึ่งการเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสม ทำได้ดังนี้ค่ะ
- เลือกค่ารังสี UVA และ UVB ที่มีค่า SPF อย่างต่ำที่ 30 เพราะจะสามารถกันแดดได้ถึง 30 เท่า
- การเลือกเนื้อครีมควรเลือกให้เหมาะกับผิวของเรา เช่น ถ้าผิวมัน ควรเลือกครีมกันแดดที่เนื้อผิวไม่มัน เป็นต้น
- การทาครีมกันแดดควรทาให้ทั่วและพอเหมาะ ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป และควรทาครีมกันแดดก่อนออกไปเจอแดดสัก 30 นาทีเป็นอย่างต่ำ เพื่อให้ครีมกันแดดซึมซาบเข้าสู่ผิวและทำงานได้ดี อีกทั้งยังต้องทาซ้ำอย่างน้อย 30 นาทีจนถึง 2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับว่าคุณออกไปทำกิจกรรมกลางแดดมากน้อยแค่ไหน
- การอยู่บ้านหรือวันที่ไม่มีแดดก็ต้องทาครีมกันแดดเช่นกัน
การรักษา ฝ้า กระ หรือจุดด่างดำด้วยวิธีธรรมชาติอาจทำให้ปัญหาผิวเหล่านั้นดูจางลง แต่อาจต้องใช้เวลานาน แต่หากเข้าคลินิกให้หมอรักษาก็จะใช้เวลาสั้น แต่ค่ารักษาแพง ซึ่งหากเราไม่อยากต้องเผชิญกับปัญหาผิวเหล่านี้ก็ควรป้องกันแต่เนิ่นๆ จะดีกว่าค่ะ
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : ฝ้า กระ ริ้วรอย จุดด่างดำ ปัญหากวนใจผู้หญิงที่เป็นง่าย แต่หายยาก
เรื่องนี้ไม่อนุญาติ ให้แสดงความคิดเห็น