ผบ.หน่วยซีล ออกปากชม “โค้ชเอก” เก่งมาก ขุดอุโมงค์กันหนาวลึก 5 เมตร เลือกลำดับเด็กออกจากถ้ำด้วยตัวเอง

(11 ก.ค.) พล.ร.ต.อาภากร อยู่คงแก้ว ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (หน่วยซีล) ให้สัมภาษณ์กับ สำนักข่าวบีบีซี ประเทศอังกฤษ เปิดเผยถึงภารกิจการช่วยเหลือ ทีมหมูป่า 13 ชีวิต ออกจากถ้ำหลวง ระบุว่า ช่วงแรกที่รับภารกิจ เจอน้ำไล่จนต้องถอยออกมาจากถ้ำ ตอนนั้นยังไม่คิดว่าจะสามารถทำได้ขนาดนี้ แต่ก็ยังมีความหวังว่าผู้สูญหายยังมีชีวิตอยู่ “ความหวังเล็กๆ แต่เราต้องทำ เราอย่าทิ้งความหวังนั้น” เมื่อทราบว่าน้องๆ ทั้ง 13 คนยังมีชีวิตอยู่ก็ดีใจ

นอกจากนี้ พล.ร.ต.อาภากร ยังกล่าวถีงนักฟุตบอลรวมทั้งโค้ชทีมหมูป่า ถึงการใช้ชีวิตในถ้ำด้วยว่า…

“ต้องยอมรับว่าน้องๆ เก่ง ผมคิดว่าโค้ชนี่เก่งมาก อยู่ในสภาพที่ดีมาก เท่าที่ฟังดูเขาได้มีการขุดเป็นอุโมงค์เข้าไปประมาณ 5 เมตร โดยใช้หิน ขุดเป็นอุโมงค์เพื่อป้องกันความหนาว แล้วเท่าที่ทราบโค้ชเขาบวชมา เขารู้เรื่องการทำสมาธิ ทำให้น้องๆ มีสมาธิ แล้วก็คงจะใช้อากาศน้อยๆ ผมคิดว่าอาหารเขาคงมีการแบ่งปันกัน”

ภาพล่าสุด โค้ชเอก ที่โรงพยาบาล

นอกจากนี้ ยังเปิดเผยถึงกรณีของ จ่าเอก สมาน กุนัน หน่วยซีลนอกราชการ ที่เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติภารกิจลำเลียงขวดอากาศ ว่า จ่าสมานเป็นคนที่เสียสละ เป็นอดีตหน่วยซีลที่ลาออกจากราชการไปหลายปีแล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นรู้ตัวว่าตัวเองช่วยได้ก็อาสามาช่วย ภารกิจนี้เสี่ยงพอสมควรที่ต้องดำน้ำในสภาวะที่เราไม่เคยเจอ สิ่งที่เขาเสียสละนั้น เป็นสิ่งที่จ่าสมานได้รับเกียรติมาก ตอนนี้ประชาชนชาวไทยและชาวโลกต่างยกย่องและสรรเสริญให้เป็นวีรบุรุษ ถือเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจทั้งตัวเขาเองและครอบครัว

>> เปิดคลิปภาพ “หน่วยซีล” ปฏิบัติการลำเลียงทีมหมูป่า 13 ชีวิต ออกจากถ้ำหลวง

ผบ.หน่วยซีล ยังเปิดเผยหลังแถลงปิดศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหาย ด้วยว่า หน่วยซีลไม่ใช่ฮีโร่ แต่เราทำภารกิจที่ได้มอบหมาย กองทัพเรือมีสโลแกนว่าจะไม่ทิ้งประชาชน ทางจังหวัดเชียงรายมีการร้องขอให้มาช่วยภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยในถ้ำ ซึ่งได้ส่งหน่วยซีลมาช่วยทันที โดยเจ้าหน้าที่แต่ละคนสู้เพราะมีความหวังที่จะช่วยเหลือน้องๆ ทั้งนี้โชคดีที่มีนานาชาติมาช่วยในภารกิจครั้งนี้ และ ถ้าไม่มีหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือภารกิจนี้อาจไม่สำเร็จ ยอมรับว่าภารกิจครั้งนี้ยากมากไม่เคยเจอ หลังจากนี้จะพัฒนาบุคคลากรเพิ่ม รับภัยพิบัติได้ทุกรูปแบบ

สำหรับการนำเด็กออกมาจากถ้ำ เป็นกระบวนการของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของต่างประเทศดำเนินการ ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่เป็นตามมาตรฐานสากล เพื่อไม่ให้เกิดการตื่นตระหนกหรือเป็นอันตรายระหว่างการลำเลียง และ ทุกระยะมีการตรวจร่างกายระดับความดัน การนำน้องออกมานั้นได้ให้น้องสวม ฟูล-เฟซแมสก์ (หน้ากากเต็มหน้า) ให้กับน้องๆ แล้วดำน้ำออกมา โดยให้เจ้าหน้าที่ชุดช่วยเหลือลำเลียงออกมาอีกที ทั้งนี้ระยะทางที่มีการดำน้ำคิดเป็นร้อยละ 40 ของระยะทางจากเนินนมสาวออกจากถ้ำ  ซึ่งการเลือกลำดับให้น้องออกมาจากถ้ำนั้น เป็นการเลือกของโค้ชเอก ขณะนี้ยังไม่ทราบเหตุผลของการเรียงลำดับออกมา

>> น.อ.อนันต์ เล่าภารกิจถ้ำหลวง “หมอภาคย์-มนุษย์กบ” ขาดการติดต่อ 23 ชั่วโมง