ตีตั๋วข้ามปีย้อนเวลาจากอนาคตมาให้ได้ดูก่อนที่จะถึงปี 2017 ซึ่งรถที่ข้ามเวลามานี้ก็คือผลงานจากผู้ผลิตที่มีชื่อว่า Victory Octane รูปทรงก็สวยๆ ล้ำๆ แต่ที่สำคัญเครื่องยนต์นั่นเอง แม้จะมองๆ แล้วก็ไม่น่าจะต่างจาก V Twin ทั่วๆ ไป แต่ผลลัพธ์บอกเลยว่ามันต่างกันมากๆ ที่เขียนแบบนี้ไม่ได้โม้นะครับ แต่เคยลองขี่มาแล้วจริงๆ ส่วนใครอยากจะรู้ว่า VICTORY Octane จะเร็วแรงขนาดไหน? อย่าพลาดหน้านี้นะครับ
Victory Octane หล่อเหลาบึกบึน
แม้จะไม่ได้ขี่รถรุ่นใหม่แบบ Octane แต่เท่าที่เคยขี่มาจากครั้งที่ไปจังหวัดนครราชสีมา คงต้องบอกเลยว่า VICTORY นั้นแรงจริงๆ การสะเทือนของเครื่องยนต์เกือบจะไม่รู้สึก และรอบเครื่องยนต์ก็นิ่งมากๆ วันที่ขี่นึกในใจว่าน่าจะขี่ไม่เกิน 120 กิโลเมตร / ชั่วโมง แต่พอเหลือบดูที่เรือนไมล์ มันวิ่งไปถึง 150 กิโลเมตร / ชั่วโมง รอบเครื่องยนต์มาเร็วเกือบจะไม่ต่างจากรถสปอร์ต แถมระบบการรองรับถูกทำออกมารับมือกับแรงม้าและความเร็วชนิดเกินตัวเลยทีเดียวและที่ถูกใจที่สุดก็คือ “ความนิ่ง” มันทั้งนิ่งและเสถียรมากๆ จนเราได้ยินเสียงลมกระซิบเลยนะเนี่ย
และสำหรับรถรุ่นใหม่นี้ ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 จังหวะ 2 ลูกสูบ ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำและชุดพัดลมไฟฟ้า มาด้วยขนาดความจุสุทธิ 1,179 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะชัก เท่ากับ 101 x 73.6 มม. ชุดเกียร์แบบธรรมดา 6 สปีด คลัทช์แบบเปียกสั่งงานด้วยสายสลิง ขับเคลื่อนด้วยสายพาน ชุดทางเดินท่อไอเสียมาแบบ 2 – 1 – 2 ปลายท่อแบบตัดปากฉลาม ให้สำเนียงนุ่มๆ ไม่ดังหนวกหู รีดแรงม้าออกได้ 104 ตัว ที่รอบการทำงานของเครื่องยนต์ 8,000 รอบ / นาที กำลังอัดเครื่องยนต์ 10.8 : 1 ควบคุมการกดวาล์วด้วยเพลาลูกเบี้ยวแบบคู่ด้านบนเหนือฝาสูบ DOHC จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอิเล็คทรอนิคส์ เรือนลิ้นเร่งขนาด 60 มม.
การออกแบบโครงสร้างถูกวางอยู่บนเฟรมและพื้นฐานของครูสเซอร์ ไฟหน้าจอกลมถูกครอบด้วยด้วยหน้ากากไฟหน้าและมีแผ่นใสบังลมประกบร่วมอยู่ด้วย แฮนด์บังคับทรงกว้างเพื่อจะได้รับมือกับอาการของรถยามที่กดคันเร่ง ถังน้ำมันเชื้อเพลิงเน้นอารมณ์เหลี่ยมๆ มาด้วยขนาดความจุ 12.9 ลิตร เบาะนั่งมาแบบใบเดียวรองรับสรีระก้นของคนขี่ได้ทุกขนาด หนังที่นำมาหุ้มไม่เน้นอารมณ์ลื่นๆ แต่จะเน้นการยึดเกาะที่เหมาะสมมากกว่า บังโคลนหน้าถือว่าเป็นทรงเฉพาะของค่ายมีการเล่นเหลี่ยมสันประกอบกับอารมณ์สปอร์ตได้อย่างลงตัว ส่วนบังโคลนหลังโอบคลุมไปตามรัศมีของยาง
ไฟท้ายแบบ LED แนวยาวให้ความสว่างเกินคาด ส่วนไฟเลี้ยวก็เช่นกันเป็น LED แม้จะมาด้วยขนาดจิ๋วแต่ให้ความปลอดภัยเต็มๆ แบบของวงล้อนั้นเป็นวงล้ออัลลอย ใช้ยางหน้าขนาด 130 / 70 – 18นิ้ว ยางหลัง ขนาด 160 / 70 – 17 นิ้ว ลดน้ำหนักของวงล้อด้วยการใช้ก้านแนวตรงขนาดเล็ก แต่เพิ่มก้านให้มากขึ้นจนไม่ต่างอะไรกับรถที่ใช้ก้านวงล้อใหญ่ๆ การวางหม้อน้ำนั้นวางอยู่หน้าเครื่องยนต์ แต่อำพรางสายตาด้วยการใช้การ์ดรังผึ้งทรงสวย และจัดทรงหม้อน้ำให้วางอยู่ตรงกลางของเสาคานคู่หน้าของเฟรม ใช้จานเบรคหน้าและคาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ สั่งงานด้วยไฮดรอลิค จานเบรคหลังใช้ขนาดใหญ่ตามมาตรฐานของครูสเซอร์ ให้อารมณ์การสั่งการที่ไว้ใจได้และนี่ก็คือข้อมูลคร่าวๆ ของ 2017 VICTORY Octane
เรียบเรียงข้อมูลโดย A’Lure Magazine
credit: men.mthai.com
MORGAN EV3 สปอร์ตสามล้อตัวจี้ดสัญชาติผู้ดี ดูรถสปอร์ตที่ออกแบบมางามๆ ก็มากแล้ว แต่ครั้งนี้ทีมงานจะพาไปดูรถสปอร์ตที่ออกแบบมามีหน้าตาคล้าย “ตอร์ปิโด” มากที่สุด อ๊ะๆ เดี๋ยวก่อนนะครับ ผมไม่ได้บอกว่า “มันไม่สวย” แต่ถ้าจะถามผมจริงๆ ผมขอเลือกรถแบบนี้ใช้งานน่าจะเหมาะที่สุด นอกจากจะดูหล่อเก๋เท่แล้ว
Bugatti Chiron หล่อแรงตั้งแต่กำเนิด ค่ายนี้จะสร้างรถรุ่นไหน? ออกมา บอกเลยว่า “สวย แรง โหด” แน่ๆ ซึ่งทางต้นสังกัดอย่าง Bugatti เคยฝากผลงานระดับท็อปไว้ด้วยการใช้เครื่องยนต์ W16 เอาไว้
YAMAHA Stryker Bullet Cowl ครูสเซอร์มาดเข้มจากแดนปลาดิบ YAMAHA Stryker Bullet Cowl จะบอกว่านี่คือรถครูสเซอร์ที่สวยสุดๆ จากเกาะญี่ปุ่นก็ไม่น่าจะผิดแปลกอะไร เพราะ ยามาฮ่า ลุยทางรถแนวๆ นี้มาอย่างยาวนาน
Koenigsegg Regera ไฮเปอร์คาร์แห่งแดนนักรบไวกิ้ง Koenigsegg Regera มีคนคิดบ้างไหมว่าประเทศสวีเดนจะมีของดีมากกว่าเรือรบและนักรบไวกิ้ง ซึ่งถ้าให้ลองนึกเล่นๆ ถึงยานยนต์สัญชาติสวีดิช ร้อยทั้งร้อยจะต้องนึกถึงรถจากค่าย Volvo ที่มีคติพจน์ประจำใจว่า “ทุกชีวิต ปลอดภัยใน วอลโว่” ทั้งๆ
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : Victory Octane แรงบึกบึนสไตล์รุ่นใหญ่หัวใจ V-Twin
เรื่องนี้ไม่อนุญาติ ให้แสดงความคิดเห็น