ปิดเมนู
หน้าแรก

Sirtfood Diet เทรนด์การลดน้ำหนัก ที่กำลังเป็นที่รู้จักมากขึ้น

เปิดอ่าน 23 views

Sirtfood Diet เทรนด์การลดน้ำหนัก ที่กำลังเป็นที่รู้จักมากขึ้น

Hello Khun Mor

สนับสนุนเนื้อหา

แน่นอนว่าเรื่องการลดน้ำหนักนั้นเป็นเรื่องที่สาวๆ ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ปัจจุบันนี้มีเทรนด์ลดน้ำหนักออกมาหลากหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นก็คือ Sirtfood Diet ซึ่งเป็นเทรนด์การลดน้ำหนักที่กำลังเป็นที่รู้จักในปัจจุบัน เนื่องจากมีคนดังใช้วิธีนี้แล้วเห็นผล จึงทำให้คนหันมาสนใจ แต่เทรนด์การลดน้ำหนักนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน Hello คุณหมอ

ทำความรู้จักกับ Sirtfood Diet

Sirtfood Diet กำลังเป็นเทรนด์การกินอาหารที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง นอกจากจะเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าดาราและคนมีชื่อเสียงในฝั่งยุโรปด้วย ผู้คิดค้นการกินอาหารเทรนด์นี้ยืนยันว่ามันไม่ใช่แฟชั่น แต่เป็นกุญแจที่นำไปสู่การลดไขมัน และป้องกันโรค

การกินอาหารแบบนี้ คือ การกินอาหารที่ขึ้นอยู่กับการวิจัยเกี่ยวกับ เซอทูอิน (Sirtuins หรือ SIRTs) ซึ่งเป็นกลุ่มของโปรตีน 7 ชนิดที่พบได้ในร่างกาย โปรตีนเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ามันสามารถควบคุมการทำงานที่หลากหลาย รวมถึงการเผาผลาญ การอักเสบ และอายุขัย

สารประกอบในพืชธรรมชาติบางชนิด อาจเพิ่มระดับโปรตีนในร่างกาย และอาหารที่มีส่วนประกอบเหล่านั้นมักได้รับการขนาดนามว่า “Sirtfood Diet” ซึ่งอาหารที่สามารถกินได้ มีดังนี้

  • ผักคะน้า
  • ไวน์แดง
  • สตรอว์เบอร์รี
  • หัวหอม
  • ถั่วเหลือง
  • พาสลีย์
  • น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์
  • ดาร์กช็อกโกแลต (มีส่วนผสมของโกโก้ 85 เปอร์เซ็นต์)
  • ชาเขียวมัทฉะ
  • โซบะ
  • ขมิ้น
  • วอลนัท
  • อารูกูล่า ร็อคเก็ต (Arugula Rocket)
  • พริกขี้หนู (Bird’s eye chili)
  • โลเวจ (Lovage)
  • อินทผาลัม
  • เมดจูล (Medjool dates)
  • ผักชิโครี่สีแดง (Red Chicory)
  • บลูเบอร์รี่
  • เคเปอร์
  • กาแฟ

การทานอาหารแบบนี้อาจทำให้ร่างกายผลิตระดับเซอทูอินที่สูงขึ้น นอกจากนั้นผู้คิดค้นการรับประทานอาหารชนิดนี้ขึ้นมาได้กล่าวว่า การทานอาหารแบบนี้จะนำไปสู่การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันก็จะรักษามวลกล้ามเนื้อและปกป้องคุณจากโรคเรื้อรัง

ลดน้ำหนักแบบ Sirtfood Diet กินอะไรได้บ้าง

โปรแกรมอาหารของการลดน้ำหนักนั้นจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี โดยจะมีการลดจำนวนแคลอรี่ทั้งหมดของอาหาร ในความเป็นจริงผู้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งกล่าวว่า โปรแกรมการลดน้ำหนักด้วยการกินอาหารแบบนี้ สามารถช่วยให้คุณลดน้ำหนักลงไปได้ 3.2 กิโลกรัม ภายในเวลาสัปดาห์เดียว แต่แผนมื้ออาหารจะค่อนข้างน่ากลัว เนื่องจากในช่วง 3 วันแรก ผู้ที่เข้ารับการลดน้ำหนักจะต้องกินแคลอรี่เพียง 1,000 แคลอรี่ต่อวัน ซึ่งประกอบด้วยอาหารมื้อเดียว และน้ำผลไม้สีเขียว 2 ขวด นอกจากนั้นในช่วงสัปดาห์แรกผู้เข้ารับการลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้จะได้รับแคลอรี่ 1,500 แคลอรี่เป็นเวลา 4 วัน โดยจะแบ่งเป็น 2 มื้อ

โปรแกรมส่วนใหญ่ของการลดน้ำหนักแบบนี้จะมีสารอาหารที่สูง ซึ่งอาหารที่เน้นให้กินนั้นมีหลากหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นคะน้า สตรอว์เบอร์รี่ หัวหอม ผักชีฝรั่ง บลูเบอร์รี่ และธัญพืชบางชนิด เช่น วอลนัท สำหรับเครื่องดื่มที่ดื่มได้ก็จะเป็น กาแฟ ชาเขียวมัทฉะ และไวน์แดง เป็นต้น

ผนการลดน้ำหนักเป็นอย่างไร

สำหรับแผนในการลดน้ำหนักแบบนี้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ระยะ โดยใช้เวลา 3 สัปดาห์ ซึ่งส่วนผสมส่วนใหญ่ของการลดน้ำหนักแบบนี้มักจะหาได้ง่าย ซึ่งอาหารส่วนใหญ่ของการลดน้ำหนักแบบนี้ก็คือ น้ำผลไม้สีเขียว ซึ่งคุณจะต้องทำด้วยตัวเอง และดื่มระหว่างวัน 1-3 ครั้ง โดยคุณจะต้องคั้นน้ำผลไม้ และชั่งส่วนผสมต่างๆ ตามที่ได้มีการระบุไว้ ซึ่งสูตรของเครื่องดื่ม มีดังนี้

สูตรน้ำผลไม้สีเขียว

  • ผักคะน้า 75 กรัม
  • อารูกูล่า ร็อคเก็ต (Arugula Rocket) 30 กรัม
  • ผักชีฝรั่ง 5 กรัม
  • คื่นฉ่าย 2 ต้น
  • ขิง 1 เซนติเมตร
  • แอปเปิ้ลเขียวครึ่งลูก
  • มะนาวครึ่งลูก
  • ชาเขียวมัทฉะครึ่งช้อนชา

วิธีการทำ: นำส่วนผสมทั้งหมดยกเว้นผงชาเขียวมัทฉะและมะนาว ผสมเช้าด้วยกันแล้วเทลงในแก้ว คั้นน้ำมะนาวจากมือ จากนั้นเทผงชาเขียวมัทฉะลงไป จากนั้นคนส่วนผสมทั้งหมดของน้ำผลไม้ให้เข้ากัน

อย่างที่กล่าวข้างต้นว่า การลดน้ำหนักแบบนี้จะมี 2 ระยะด้วยกัน ซึ่งแผนการลกน้ำหนักทั้ง 2 ระยะต้องทำ ดังนี้

แผนการลดน้ำหนักระยะที่ 1

ในระยะแรกจะใช้เวลา 7 วัน โดนจะต้องจำกัดแคลอรี่และดื่มน้ำผลไม้สีเขียวเป็นจำนวนมาก

จุดประสงค์ก็เพื่อเริ่มต้นลดน้ำหนักของคุณ โดยการใช้วิธีนี้มีการอ้างว่าจะทำให้น้ำหนักลดลงไปถึง 3.2 กิโลกรัม ในเวลาเพียง 7 วัน ในช่วง 3 วันแรกของระยะที่ 1 ปริมาณแคลอรี่จะถูกจำกัดเอาไว้ที่ 1,000 แคลอรี่ โดยคุณจะต้องดื่มน้ำผลไม้สีเขียว 4 มื้อต่อวัน ในแต่ละวันคุณสามารถเลือกสูตรอาหารซึ่งจะเป็นส่วนหลักของมื้ออาหาร จากหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการลดน้ำหนักแบบนี้ได้ ตัวอย่างเช่น เต้าหู้ในซุปมิโซะ ไข่เจียว หรือกุ้งผัดกับบะหมี่บัควีต (Buckwheat Noodle)

ส่วนในวันที่ 4-7 ของระยะที่ 1 จำนวนแคลอรี่จะถูกเพิ่มขึ้นเป็น 1,5000 ซึ่งรวมถึงน้ำผลไม้สีเขียว 2 มื้อต่อวัน และอาหารที่อุดมไปด้วย Sirtfood นอกจากนั้นอีก 2 มื้อคุณสามารถเลือกได้จากหนังสือ

แผนการลดน้ำหนักระยะที่ 2

ระยะที่ 2 จะใช้เวลาทั้งหมด 2 สัปดาห์ ซึ่งในระยะนี้จะเรียกว่า “ช่วงบำรุงรักษา” ซึ่งคุณควรจะต้องลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่อง

ในระยะที่ 2 นี้ไม่มีการจำกัดแคลอรี่ แต่คุณต้องกินอาหาร 3 มื้อที่เต็มไปด้วย Sirtfood และน้ำผลไม้สีเขียว 1 มื้อต่อวัน และแน่นอนว่าอาหารจะถูกเลือกจากสูตรอาหารที่มีในหนังสือ

การลดน้ำหนักแบบ Sirtfood Diet นี้มีข้อเสียหรือไม่?

ส่วนที่ยากที่สุดของการลดน้ำหนักแบบนี้ก็คือการจำกัดแคลอนรี่และการพึ่งพาน้ำผลไม้สีเขียว ซึ่งอาจไม่ปลอดภัยสำหรับคนบางกลุ่ม

Tanya Freirich นักกำหนดอาหารและนักโภชนาการจากนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า เธอไม่แนะนำอาหารแบบนี้สำหรับผู้ที่ทานยาบางชนิด เช่น คูมาดิน® (Coumadin®) ซึ่งเป็นยาละลายลิ่มเลือด หรือด้วยปัญหาสุขภาพ เช่น โรคเบาหวาน  และถ้าหากคุณกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรก็ไม่ควรลดน้ำหนักด้วยวิธีการนี้

นอกจากนี้ Tanya Freirich ยังกล่าวเสริมอีกว่า โดยทั่วไปเธอไม่แนะนำอาหารใดๆ ที่พึ่งพากฎที่เข้มขวดเกินไป อย่างไรก็ตามอาหารในกลุ่มส่วนใหญ่ในกลุ่ม Sirtfood Diet นั้นเป็นอาหารที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ จึงขอแนะนำให้ใช้วิธีการนำอาหารเหล่านี้มารวมไว้ในมื้ออาหารที่คุณรับประทาน และที่สำคัญอย่าปล่อยให้ร่างกายรู้สึกหิวโหยจะเป็นการดีที่สุด

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : Sirtfood Diet เทรนด์การลดน้ำหนัก ที่กำลังเป็นที่รู้จักมากขึ้น