ปิดเมนู
หน้าแรก

Bugatti Chiron งานนี้สามคำนิยามว่า “สวย แรง โหด”

เปิดอ่าน 402 views

Bugatti Chiron งานนี้สามคำนิยามว่า “สวย แรง โหด”

ต้นสังกัดอย่าง Bugatti เคยฝากผลงานระดับท็อปไว้ด้วยการใช้เครื่องยนต์ W16 เอาไว้ ซึ่งคำย่ออย่าง W16 ก็มาจากการเอาเครื่องยนต์ V8 สองเครื่องมารวมกันบนเพลาข้อเหวี่ยงเดียว ซึ่งครั้งนี้ก็ยังใช้เครื่องยนต์ “สุดจี๊ด” อย่าง W16 เช่นเดิม แต่เปลี่ยนชื่อรุ่นไปเป็น Chiron

Bugatti-Chiron_2017_1600x1200_wallpaper_03

Bugatti Chiron โดดเด่นด้วยกระจังหน้าที่มีรูดูดอากาศแนวโค้ง  แปะโลโก้ตัวอักษร Bugatti บนพื้นวงรีสีแดงสด ไฟหน้ายกมาแบบ “สว่างสุดๆ” ด้วยการยกเอาหลอดแบบ LED ชนิด Full System มาใช้ มันลดความร้อนในเวลาการเปิดใช้และสว่างกว่าหลอดธรรมดาหลายเท่าตัว ฝากระโปรงทรงสามเหลี่ยมเป็นพื้นที่ของห้องเก็บสัมภาระ โดยเครื่องยนต์วางอยู่ด้านหลังรถ

Bugatti-Chiron_2017_1600x1200_wallpaper_05

รูปแบบของตัวรถนั้นเป็นสปอร์ต 2 ประตู ตัวหลังคาเป็นแบบหลังคาแข็ง แฝงลูกเล่นการออกแบบเรื่องอากาศพลศาสตร์ไว้ด้วยการใช้สันคล้ายแพนหางดิ่งของเครื่องบิน ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยเพิ่มความนิ่งเสถียรเกาะถนนเวลาอยู่บนความเร็วสูงๆ นอกจากนั้นยังใช้แนวสันบนหลังคาโค้งต่อไปยังด้านหลังรถ โดยจะมีเสาโค้งรับออกมาเพื่อจัดการมวลลมให้พัดผ่านไปด้านหลังรถให้เร็วและเป็นระเบียบ ก่อนจะมีสปอยเลอร์หลังที่จะกระดกขึ้นมาโดยอัตโนมัติตามความเร็ว ใช้ซุ้มล้อหลังแบบตัว “C” โค้งตั้งแต่ขอบหลังคาจนมาถึงด้านล่างของบอดี้รถ เว้าช่องกดมวลลมให้ถูกดูดผ่านออกไปตามร่องที่จัดรอเอาไว้ เพื่อสะกดรถให้นิ่งที่สุด จุดเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่หลังคนขับ ใช้ฝาครอบชั้นนอกทรงกลม เมื่อเปิดออกจึงจะเห็นฝาชั้นใน กระจกมองข้างมีก้านยื่นออกไปเล็กน้อย ใช้บานกระจกทรงสามเหลี่ยมและเสริมไฟเลี้ยวแบบ LED แทรกอยู่บนโคมกระจกมองข้างอีกด้วย นอกจากนั้นยังประดับขอบ “C” ที่ซุ้มล้อหลังด้วยสเตนเลสเพิ่มความเงางาม ร่องข้างซุ้มล้อนอกจากจะสะกดรถให้นิ่งแล้วยังมีหม้อน้ำอยู่ด้านในอีกด้วย เมื่ออากาศจำนวนมากถูกดูดเข้ามาในพื้นที่อันจำกัด กระแสลมจะเพิ่มความแรงขึ้นและช่วยพัดระบายความร้อนของหม้อน้ำ ชุดไฟท้ายมาแบบเรียบง่ายโดยใช้เส้นตรงเส้นเดียวแล้วเลือกหลอดไฟแบบ LED เข้าประจำการ

Bugatti-Chiron_2017_1600x1200_wallpaper_21

นอกจากจะสวยสะกดทุกสายตาแล้ว ยังเพิ่มความปลอดภัยได้มากกว่าหลอดแบบเดิมอีกด้วย โดยไฟเลี้ยวจะเป็นเส้นเล็กๆซ่อนอยู่ทางด้านล่างของไฟท้าย และไฟเบรคก็ใช้การออกแบบเช่นเดียวกัน แต่จะถูกวางอยู่ด้านบนไฟท้ายเท่านั้นเอง ความลับของรถที่ใช้เครื่อง W16 ก็คือการมาด้วยขนาดความจุ 8 ลิตร หรือ 8,000 ซีซี. ลองคิดดูง่ายๆ นะครับว่า เครื่องยนต์เบนซิน 2,500 ซีซี. กระตุ้นอะดีนารีนได้มากขนาดไหน? พอมาเป็นเครื่องขนาด 8,000 มันเกินจะบรรยายได้ มันไม่เหมาะกับนักขับมือใหม่ หรือพวกไร้ทักษะในการขับขี่ เพราะมีแรงม้าอยู่ถึง 1,500 ตัว และแรงบิดสูงสุด 1,600 นิวตัน-เมตร สร้างความเร็วได้มากกว่า 420 กิโลเมตร / ชั่วโมง “ย้ำๆ” นะครับว่า มันไปถึงได้ในพริบตาเท่านั้น ตัวรถใช้ยางหน้า ขนาด 285 / 30 R 20นิ้ว และยางหลัง 355 / 25 R 21นิ้ว ซึ่งแน่นอนว่ายางแบบนี้ ขนาดแบบนี้ ต้องเป็นการผลิตที่พิเศษ มันไม่ใช่ยางที่รถสปอร์ตทั่วๆไปจะใช้ เพราะนี่คือยางที่ Bugatti เลือกใช้เท่านั้น! การตกแต่งภายในห้องโดยสาร เน้นสีน้ำตาลอ่อนๆ กับชิ้นส่วนที่โชว์สีอลูมิเนียม ตัวรถไม่มีคลัทช์เพราะมีระบบเปลี่ยนเกียร์แบบเดียวกับรถแข่ง F1 บนแผงหน้าปัดเรือนไมล์แบบดิจิตอล ในส่วนของความเร็ว “ไม่เชื่อ ก็เชื่อไว้เลยนะว่า” Bugatti ให้หลักความเร็วท้ายที่สุดของรถรุ่นนี้ที่ 500 กิโลเมตร / ชั่วโมง ด้านซ้ายบนแผงหน้าปัดเป็นการรายงานเรื่องรอบเครื่องยนต์และปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงอุณหภูมิของน้ำมันเครื่อง และด้านขวาสุดเป็นหน้าจอดิจิตอลรายงานในระบบ GPS ทั้งหมดที่ใช้ในการสั่งการสามารถทำได้บนพวงมาลัยแค่ใช้ปลายนิ้วเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีการปรับเครื่องปรับอากาศและที่นั่งรวมถึงไฟฉุกเฉินทางด้านขวามือเหมือนคันเกียร์ ซึ่งคันเกียร์ก็เอาไว้เผื่อใครที่เบื่อการเปลี่ยนเกียร์ด้วยปลายนิ้วมาเป็นการสับเกียร์แบบคลาสสิก กุญแจใช้สลักพิเศษและเป็นแบบกดกระเด้ง ตัวกุญแจเวลาที่ไม่ใช้งานจะเป็นเหมือนกล่องมลๆ เท่านั้น ในห้องโดยสารยังแยกกันอย่างชัดเจนระหว่างผู้ขับและผู้โดยสาร โดยและนี่ก็คือรถที่สร้างความมหัศจรรย์ได้ทุกครั้งที่ขับขี่ เพราะนี่คือ Bugatti Chiron

ภาพ/ข้อมูล : นิตยสาร Alure
V70 FINAL

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : Bugatti Chiron งานนี้สามคำนิยามว่า “สวย แรง โหด”