ปิดเมนู
หน้าแรก

6 สาเหตุ 7 วิธีการลด “กลิ่นตัว” ปัญหาที่หลายคนกังวล

เปิดอ่าน 55 views

6 สาเหตุ 7 วิธีการลด “กลิ่นตัว” ปัญหาที่หลายคนกังวล

INN news

สนับสนุนเนื้อหา

หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่ทำให้สาวๆเสียความมั่นใจ นั่นก็คือปัญหาเรื่อง“กลิ่นตัวแรง” แม้จะฉีดน้ำหอมไปมากแค่ไหน ถ้าเจอเหงื่อเจอความร้อน ก็ยิ่งทำให้ส่งกลิ่นแรงมากขึ้น 

ร่างกายของเรามีต่อมกำเนิดกลิ่นอยู่หลายต่อม หนึ่งในนั้นคือต่อมเหงื่อ อโปคริน (Apocrine) ที่อยู่บริเวณรักแร้ของเรา เจ้าต่อมนี้จะเริ่มทำหน้าที่ของมันเมื่อเราย่างเข้าสู่วัยรุ่น โดยสร้างเหงื่อหรือสารสีขาวขุ่นที่มีกลิ่นเฉพาะตัวคล้ายฟีโรโมนออกมา ซึ่งตามธรรมชาติแล้วสารนี้จะไม่มีกลิ่น แต่กลิ่นเหม็นอับที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากการแตกตัวของเหงื่อที่ไปสัมผัสกับแบคทีเรียที่สะสมตามร่างกายเรานั่นเอง เพราะฉะนั้นเรามาดูวิธีลดและสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นตัวกันเถอะ

สาเหตุของการเกิดกลิ่นตัว

  1. เสื้อผ้าอับชื้น การใส่เสื้อผ้าที่เหม็นอับ เปียกชื้น หรือซักไม่สะอาด ทำให้ร่างกายเกิดการสะสมของแบคทีเรีย เมื่อร่างกายมีเหงื่อจะทำให้ส่งกลิ่นได้ง่ายมาก 
  2. รับประทานอาหาร เช่น อาหารรสจัด หรือ อาหารที่มีกลิ่นฉุน จะทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมาได้ง่าย ไม่เพียงแต่มีกลิ่นกายแต่ปัญหาเรื่องกลิ่นปากอาจตามมาได้
  3. เกิดตามระบบธรรมชาติของร่างกาย เพราะร่างกายมีต่อมกำเนิดกลิ่น เช่น ต่อมเหงื่อ อโปคริน (Apocrine) ที่อยู่บริเวณรักแร้
  4. ฮอร์โมน เพราะบางคนมีฮอร์โมนเพศชายมากกว่าฮอร์โมนเพศหญิง ทำให้ระบบในร่างกายก็จะทำงานผิดปกติ เช่น ปัญหาเรื่องสิว หน้ามัน รวมไปถึงกลิ่นตัวอีกด้วย
  5. โรคบางอย่าง ก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เหงื่อออกมากจนเกิดกลิ่นตัวได้ เช่น โรคทางสมอง โรคหัวใจ วัณโรค ไทรอยด์ คอหอยพอก โรคตับ โรคไต หรือแม้กระทั่งอยู่ในวัยใกล้หมดประจำเดือน
  6. อารมณ์ (ความเครียด ความโกรธ หรืออาการตกใจ) หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าอารมณ์เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นตัวอันไม่พึงประสงค์ได้ ทำให้ต่อมเหงื่อขับเหงื่อออกมามากกว่าปกติ คุณอาจจะเห็นบางคนเหงื่อเปียกชุ่มตามรักแร้ ขาหนีบ หรือมือ ก่อนหรือในขณะทำภารกิจสำคัญอะไรบางอย่าง เช่น การเตรียมตัวพรีเซนต์งาน การสัมภาษณ์งาน การเข้าสอบ เป็นต้น นั่นเป็นเพราะเขาเกิดความเครียดและมีความกดดัน จึงทำให้ร่างกายผลิตเหงื่อออกมามาก และยิ่งเหงื่อออกมามากเท่าไรก็จะพลอยส่งกลิ่นรบกวนคนรอบข้างมากตามไปด้วย

วิธีการลดกลิ่นตัว

  1. อาบน้ำให้สะอาด เป็นผู้หญิงต้องรักษาความสะอาดให้มากขึ้น โดยเฉพาะการอาบน้ำ เพราะในแต่ละวันเราต้องเจอทั้งเหงื่อ มลพิษ และแบคทีเรียต่างๆที่เข้ามาสัมผัสกับร่างกายเรา ต้องหมั่นขัดถูทุกซอกทุกมุมให้สะอาด หมั่นขัดขี้ไคลอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื่น ขจัดคราบ และมีกลิ่นหอม จะยิ่งทำให้การอาบน้ำในแต่ละครั้งมั่นใจมากขึ้น 
  2. เสื้อผ้าต้องสะอาด หมั่นซักผ้าบ่อยๆ เสื้อผ้าที่ใส่ต้องให้สะอาด ไม่อับชื้น ไม่ใส่ซ้ำ ไม่หมักหมม เพราะเสื้อผ้าเป็นสิ่งที่เราต้องใส่ติดตัวในทุกๆวัน ถ้าเหงื่อกระทบกับแบคทีเรียในเสื้อผ้าก็จะยิ่งทำให้มีกลิ่นตัวมากขึ้น
  3. รักแร้ต้องสะอาด ผู้หญิงหลายคนมีปัญหาขนรักแร้เยอะ ซึ่งขนรักแร้นี้เป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียชั้นดีเลยก็ว่าได้ การล้างบริเวณรักแร้บ่อยๆ ด้วยน้ำสะอาดจะลดปริมาณสารก่อกลิ่นที่หลั่งจากต่อมกลิ่นได้ การล้างด้วยสบู่ฆ่าเชื้อจะช่วยลดปริมาณแบคทีเรีย แต่ไม่ควรล้างบ่อยเพราะอาจเกิดการระคายเคือง
  4. หลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด เช่น เครื่องเทศและอาหารที่มีสารโคลีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ ตับ ไข่ พืชประเภทฝักถั่ว กระเทียม หัวหอม เต้าเจี้ยว ผักชี แกงกะหรี่ แฮม ปลาทูน่า ฯลฯ รวมไปถึงอาหารที่มีรสจัด ก็ล้วนแต่เป็นตัวบงการทำให้เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้ เพราะทำให้ต่อมเหงื่อขับไขมันออกมากขึ้น ซึ่งคนที่รับประทานอาหารจำพวกนี้เยอะก็จะมีกลิ่นตัวแรงมากเป็นพิเศษ 
  5. ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุม / กำจัดกลิ่นกาย น้ำหอม เป็นสิ่งที่หลายคนหยิบมาใช้ดับกลิ่นตัว หรือเสริมความมั่นใจให้ตัวหอมมากขึ้น แต่น้ำหอมอาจจะไม่เหมาะกับสาวๆ ที่มีเหงื่อเยอะ เนื่องจากสารเคมีในน้ำหอมหากไปสัมผัสกับเหงื่ออาจทำให้เกิดกลิ่นเหม็นฉุนแทนกลิ่นหอมได้ 
  6. โรลออนสำหรับลดเหงื่อโดยเฉพาะ  สำหรับผู้ที่มีเหงื่อออกมากเป็นพิเศษ โรลออนธรรมดาอาจเอาไม่อยู่ ให้ลองเปลี่ยนมาใช้โรลออนสำหรับรักษาอาการเหงื่อออกมากเกินไปโดยเฉพาะ หรือ Antiperspirant ซึ่งโรลออนประเภทนี้ จะมีส่วนผสมของ Aluminum Chloride ที่มีฤทธิ์ในการควบคุมเหงื่อ และช่วยลดขนาดรูขุมขนบริเวณใต้วงแขนให้เล็กลง ทำให้ต่อมเหงื่อแคบลง และเหงื่อไม่ไหลออกมา และเลือกแบบที่มีสารระงับกลิ่น หรือ Deodorant ประกอบอยู่ด้วย เพราะจะช่วยให้ใต้วงแขนของคุณไม่มีกลิ่นได้ตลอดทั้งวัน
  7. ฉีดโบท็อกซ์ระงับกลิ่น เป็นวิธีสุดท้ายที่เราจะแนะนำ เพราะถือเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ การฉีดโบท็อกซ์จะช่วยหยุดการทำงานชั่วคราวของประสาทที่กระตุ้นต่อมเหงื่อ เหงื่อจึงลดลง แต่ก็จะอยู่ได้ในระยะ 3-6 เดือนเท่านั้น แถมยังมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าวิธีอื่นๆ

กลิ่นตัว เป็นปัญหาใหญ่ที่สาวๆควรแก้ไขโดยด่วน ไม่ใช่เพียงแค่ฉีดน้ำหอมแล้วกลิ่นจะหายไป กลิ่นตัวเกิดได้จากหลายสาเหตุ ต้องหมั่นสังเกตตัวเองว่ามีจุดไหนที่มีเหงื่อเยอะ และพฤติกรรมไหนที่ทำให้เกิดกลิ่นบ้าง เราจะได้แก้ไขให้ตรงจุด อย่าให้กลิ่นตัวมาหยุดความมั่นใจในตัวเรา สำหรับใครที่ถูกใจสาระน่ารู้แบบนี้ สามารถติดตามคอนเทนต์ดีๆได้ที่ iNN Lifestyle

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : 6 สาเหตุ 7 วิธีการลด “กลิ่นตัว” ปัญหาที่หลายคนกังวล