ปิดเมนู
หน้าแรก

5 รูปแบบครีมกันแดด เพื่อสร้างแบรนด์ ให้รวยปังไวเว่อร์

เปิดอ่าน 108 views

5 รูปแบบครีมกันแดด เพื่อสร้างแบรนด์ ให้รวยปังไวเว่อร์

หลังจากที่ได้แนะนำ เหตุผลดีๆ ในการสร้างแบรนด์ครีมกันแดดไปแล้ว วันนี้หลายๆ ท่านคงมองหาโรงงานผลิตครีมกันแดด บริษัทผลิตครีมกันแดดกันให้จ้าละหวั่น จนอาจจะมองข้ามปัจจัยบางอย่างที่ควรทราบก่อนที่จะเข้าไปหาโรงงานหรือบริษัทผลิตครีมที่ดีที่สุดที่ตรงใจกับเรานั่นเอง ยังไงในฐานะบริษัทที่เป็นโรงงานรับผลิตครีมที่ดีที่สุด และยังเป็นโรงงานผลิตครีมได้มาตรฐาน ขอนำเสนอ 5 รูปแบบครีมกันแดด เพื่อสร้างแบรนด์ ให้รวยปังไวเว่อร์ โดยขอพูดถึงประเภทของเนื้อครีมกันแดดที่ทางเราเคยเจอกันมานะคะ เวลาจะผลิตหรือสร้างแบรนด์ครีมกันแดดก็จะได้มีข้อมูลไว้คุยกันค่ะ จะมีเนื้อแบบไหนอะไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ

 

หมายเหตุ อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนนะคะ ในฐานะที่อยู่ในวงการนี้มานานกว่า 10 ปี มิได้มีเจตนา โจมตีหรือพาดพิงครีมกันแดดประเภทใดๆ เนื่องจากทุกรูปแบบของครีมกันแดด มีข้อดี ข้อเสียต่างกัน ผู้เขียนแค่อยากให้ข้อมูลเพื่อศึกษาก่อน แล้วผู้ที่สนใจสร้างแบรนด์ครีมกันแดด ก็ไปคุยกับบริษัท หรือ แลป หรือ โรงงานผลิตครีมกันแดดกันอีกทีนะคะ

1. ครีมกันแดดเนื้อครีม 

รูปแบบของครีมกันแดดประเภทนี้เป็นครีมกันแดดที่พบกันทั่วไปในท้องตลาดค่ะ เป็นครีมกันแดดที่หลายๆ คน เริ่มต้นในการสร้างแบรนด์ครีมกันแดดกัน เนื่องจากมีข้อดีคือ สามารถปรับเนื้อให้ให้ข้นหนืด ให้บางเบา ให้มีความมันน้อยได้ง่าย เรียกได้ว่า ให้ปรับได้กันค่อนข้างง่าย ส่วนข้อเสียคือ ส่วนใหญ่ มักจะไม่ค่อยกันน้ำ ไหลย้อยมากับเหงื่อ หรือ น้ำได้ง่ายค่ะ

2. ครีมกันแดดเนื้อเจล 

รูปแบบของครีมกันแดดประเภทนี้ ก็จะคล้ายๆ กับครีมกันแดดเนื้อครีม แต่ทำให้รู้สึกบางเบากว่า หลายๆ คนก็ชอบที่จะทำแบรนด์ครีมกันแดดเนื้อเจลกันเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีข้อดีคือ เนื้อเจลจะรู้สึกบางเบา แต่มีข้อเสียคือ มักจะไม่ค่อยกันน้ำเช่นกันค่ะ มันจึงไหลย้อยมากับเหงื่อ หรือ น้ำได้ง่ายเหมือนกับครีมกันแดดเนื้อครีมค่ะ

3. ครีมกันแดดเนื้อโลชั่น 

รูปแบบของครีมกันแดดประเภทนี้ ก็จะมีแตกต่างกันออกไป มีทั้งเป็นโลชั่นที่มีความเป็นครีมอยู่ ไปจนถึงเนื้อที่เป็นคล้ายๆ แป้งน้ำ ซึ่งมีข้อดีคือ เนื้อเหลว ทำให้รู้สึกว่าทาแล้วจะไม่ค่อยมัน แต่ข้อเสีย คือ เนื้อครีมตกตะกอน หรือ แยกชั้นกันได้ง่าย เพราะ ตัวกันแดดที่เป็น physical sunscreen ตกตะกอนค่ะ ดังนั้น ข้อเสียอีกอย่าง ก็คือ เวลาจะทำแบรนด์ครีมกันแดดประเภทนี้ ต้องเขย่าค่ะ ซึ่งจริงๆ การเขย่าด้วยแรงมืออาจจะไม่เพียงพอค่ะ ต้องใช้พวกลูกเหล็กเพิ่มขึ้นด้วย เพื่อเพิ่มแรงเขย่าให้การแตกตัวของสารกันแดดพวก physical sunscreen กระจายตัวเพียงพอเวลาจะใช้ค่ะ ข้อเสียสุดท้าย คือ เขย่าไม่ดี สารกันแดดพวก physical sunscreen จะกองอยู่บริเวณก้นๆ ของครีมค่ะ ทีนี้ใครที่แพ้ physical sunscreen เตรียมตัวเลยค่ะ หน้าคัน ผื่นขึ้น เนื่องจากอาการแพ้ค่ะ

4. ครีมกันแดดสเปรย์ 

รูปแบบของครีมกันแดดประเภทนี้ เป็นการนำเนื้อครีมกันแดดประเภทต่างๆ มาบรรจุในกระป๋องสเปรย์ซึ่งบรรจุสารผลักดันที่มีสถานะเป็นแก๊ส ซึ่งเมื่อกดหัวสเปรย์สารผลักดันจะทำหน้าที่ผลักดันแก๊สและครีมกันแดดออกมาให้เป็นละอองฝอยๆ บนหน้าหรือผิวค่ะ ข้อดี คือ เป็นรูปแบบที่ดูดี ค่อนข้างทันสมัย ดูใช้งานง่าย แต่ข้อเสียก็เยอะพอสมควรค่ะ คือ ต้นทุนสูง เนื่องจากมีต้นทุนของเนื้อครีมกันแดดและค่าอัดกระป๋อง การเลือกหัวฉีดและรูปแบบของครีมกันแดดที่นำมาบรรจุ รวมถึงสารผลักดันเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะกระทบต่อลักษณะการพ่นละอองฝอยของครีมกันแดดออกมา ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ค่อยถูกใจกันนัก รวมถึงเวลาฉีดบนหน้า อาจจะรู้สึกแสบตาเนื่องจากเราไม่สามารถควบคุมกันกระจายของละอองฝอยไม่ให้เข้าตาได้ ถึงแม้ว่าจะหลับตาค่ะ

5. ครีมกันแดดผสมรองพื้น 

เนื้อครีมกันแดดประเภทนี้ ก็ค่อนข้างฮิตกันมาก ที่เรียกกันโรงงานผลิต หรือ แลปผลิต รวมไปถึงลูกค้า เรียกกันว่า ครีมกันแดดใยไหม ครีมกันแดดแป้งโฟม ครีมกันแดดเนื้อมูส ครีมกันแดดเนื้อรองพื้น CC cram หรือ แม้แต่ concealer ก็เข้าข่ายเป็นเนื้อครีมกันแดดประเภทนี้เช่นกันค่ะ ข้อดีของครีมกันแดดประเภทนี้ เนื่องจากผสมเนื้อรองพื้นเข้าไปในครีมกันแดด ทำให้เกลี่ยง่าย ปกปิดริ้วรอย รอยด่างดำ ได้ค่อนข้างดี ประเภททาแล้วหน้าใสปิ๊งทันทีหลังทา เนื่องจากเหมือนทาเราทาแป้งไปด้วยในตัว ลดภาระการแต่งหน้าไปอีกขั้นตอนหนึ่ง กรณีที่ไม่ต้องการแต่งหน้าหนัก หรือกรณีแต่งหน้าหนัก ก็สามารถเติมแป้งเข้าไป ซึ่งพบว่ามีผลดีทำให้แป้งติดหน้าทนขึ้นอีกค่ะ นอกจากนี้ยังค่อนข้างเกาะติดกับผิวได้ดีในระดับหนึ่ง จึงสามารถนำไปใช้ในกิจกรรมกลางแจ้งที่มีเหงื่อออกในระดับเบาๆ ได้ (ถ้าเป็นพวกปั่นจักรยาน ตีกอล์ฟ เน้นทาบ่อยๆ จะดีกว่าหาครีมกันแดดที่ไม่ไหลตามเหงื่อค่ะ) แต่ข้อเสีย คือ เหมือนทาแป้งค่ะ บางคนที่ไม่ค่อยชอบการแต่งหน้าหนักๆ ก็จะรู้สึกว่าหนักหน้า อีกทั้งครีมมีหลายเฉดสีในท้องตลาด ดังนั้นจึงต้องเลือกสีของครีมให้แมชต์กับสีผิว เพื่อลดปัญหาหน้าลอยค่ะ ข้อเสียอีกอย่างคือ อาจจะรู้สึกมันได้ระหว่างวัน แต่ปัจจุบันมีพัฒนาเนื้อออกมาหลากหลายเพื่อทำให้สูตรทาแล้วรู้สึกเหนอะหนะน้อยลงในระหว่างวันได้ค่ะ
 

เป็นไงบ้างคะ กับเนื้อครีมกันแดด 5 ประเภทที่ผู้เขียนมารีวิว ข้อดีข้อเสียของเนื้อครีมแต่ละประเภทให้ค่ะ หวังว่าจะเป็นข้อมูลเบื้องต้นก่อนที่ใช้เป็นส่วนในการตัดสินใจในการเลือกโรงงานผลิตเพื่อจะสร้างแบรนด์ครีมกันแดดให้รวยปังไวเว่อร์กันนะคะ หากไม่รู้จะหาโรงงานผลิตครีมยังไง ลองอ่านบทความนี้กันค่ะ 5 ช่องทางค้นหาโรงงานผลิตครีมที่ดีที่สุด

 

****สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่****

ศูนย์อบรมเครื่องสำอาง JMC

(JMC Cosmetic Training Center)

Managing Director

Tel: 083-007-8589, Line ID: careandliving

https://www.facebook.com/JMC-Cosmetic-Training-Center-113166417038006/

สถานที่อบรม :

ศูนย์อบรมเครื่องสำอาง

อาคารเลขที่ 88/22 หมู่บ้าน เนอวานา พาร์ค (Nirvana Park)

ซ. รามคำแหง 53 ถ. รามคำแหง แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง 10310

มีฝ่าย R&D 
พัฒนาสูตร และผู้เชี่ยวชาญดูแล อย่างใกล้ชิด

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : 5 รูปแบบครีมกันแดด เพื่อสร้างแบรนด์ ให้รวยปังไวเว่อร์