ปิดเมนู
หน้าแรก

ใช้ “ถุงยางอนามัย” ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว ทำไมยังท้องได้?

เปิดอ่าน 18 views

ใช้ “ถุงยางอนามัย” ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว ทำไมยังท้องได้?

การคุมกำเนิดแบบที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุด และเป็นหนึ่งในวิธีที่ป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากที่สุด คงหนีไม่พ้นการใช้ “ถุงยางอนามัย” เพราะนอกจากจะมีผลข้างเคียงน้อย ใช้สะดวก และมีให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปแล้ว การใช้ถุงยางอนามัยยังหนึ่งในความรับผิดชอบของผู้ชายที่ในประเทศไทยเคยมีการรณรงค์กันอย่างเปิดเผยว่า “ยืดอก พกถุง” เพื่อให้ชายไทยพกถุงยางติดตัว และอย่าเขินอายที่จะไปซื้อไปหามาใช้

อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่น่าเสียดายว่า ในบางกลุ่มยังมีค่านิยมในการไม่ใช่ถุงยางอนามัย เพราะประมาทว่าไม่หลั่งในจะทำให้ไม่ท้อง แต่โอกาสที่อสุจิจะเล็ดลอดออกมาระหว่างมีเพศสัมพันธ์นั้นก็มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้ฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ได้ เฉกเช่นเดียวกับการใช้ถุงยางอนามัย ที่ถึงแม้ว่าจะโฆษณากันมากมายว่าช่วยลดโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ แต่ก็ขอให้ทราบเอาไว้ว่า ถุงยางอนามัย ไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100%

>> รู้ไว้ไม่ป่อง 6 วิธีคุมกำเนิดและข้อดี-ข้อเสีย

 

ใช้ถุงยางอนามัย มีโอกาสตั้งครรภ์หรือไม่?

ถุงยางอนามัยส่วนใหญ่ผลิตจากยางธรรมขาติ โพลียูรีเทน หรือลำไส้ลูกแกะ ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมใช้แบบที่ทำจากยางธรรมขาติ โพลียูรีเทนมากกว่า หากใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี โอกาสในการตั้งครรภ์ค่อนข้างต่ำ อยู่ที่ราว 2% เท่านั้น แต่หากเป็นการใช้ถุงยางอนามัยที่ไม่ถูกต้อง จะเพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ได้มากถึง 18% เลยทีเดียว

ใช้ถุงยางอนามัย อาจเสี่ยงตั้งครรภ์ หากคุณ…

  1. ใช้ถุงยางอนามัยที่ไม่เหมาะสมกับขนาดอวัยวะเพศของคุณ เล็กไป ใหญ่ไป
  2. ถุงยางอนามัยฉีกขาด หรือมีรอยรั่ว จากการดึงถุงยางออกมาจากห่อโดยไม่ระมัดระวัง หรือถุงยางอนามัยชำรุด เก็บไว้นาน หรือเก็บในที่ๆ เสี่ยงต่อการถูกทำให้เป็นรอย
  3. ไม่สวมถุงยางอนามัยตลอดการมีเพศสัมพันธ์ ตั้งแต่ต้นจนจบ และทุกครั้งที่มีการสอดใส่ โดยอาจเผลอใส่ถุงยางอนามัยหลังจากมีการสอดใส่ไปแล้ว หรือถอดถุงยางอนามัยก่อน ทุกครั้งที่มีการสอดใส่ น้ำอสุจิสามารถไหลออกมาพร้อมน้ำหล่อลื่นได้ทุกเมื่อ
  4. ถุงยางอนามัยหลุดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ หรือในช่วงของการสอดเข้า-สอดออก
  5. เก็บถุงยางอนามัยเอาไว้ในที่ๆ ร้อน ชื้น โดนแสงแดด รวมไปถึงการเก็บถุงยางอนามัยเอาไว้ในกระเป๋าสตางค์ ความร้อน และการถูกกดทับ อาจทำให้ถุงยางอนามัยขาด หรือเสื่อมสภาพได้

ดังนั้นขอให้คุณผู้ชาย (หรือคุณผู้หญิงที่เตรียมถุงยางอนามัยเอาไว้ในยามฉุกเฉิน) เก็บรักษาถุงยางอนามัยให้ดี อย่าเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ที่เล็ก และมีการเสียดสี กดทับตลอดเวลา เลือกขนาดของถุงยางอนามัยที่เหมาะสมกับขนาดของอวัยวะเพศ และใช้ถุงยางอนามัยตั้งแต่ก่อนสอดใส่ ไปจนถึงเสร็จกิจ ไม่มีเหตุถถุงยางอนามัยหลุดขณะมีเพศสัมพันธ์ หากพบว่ามีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นในข้อใดข้อหนึ่ง ฝ่ายหญิงสามารถกินยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินได้ (แต่ไม่ควรทานบ่อย) และอาจทานยาคุมกำเนิด (แบบปกติ) ควบคู่ไปกับการใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยก็ได้

>> กินยาคุมกำเนิดแล้ว ทำไมยังท้องได้?

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : ใช้ “ถุงยางอนามัย” ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว ทำไมยังท้องได้?