ชีวิตรักของคนเรา ไม่ได้จบบริบูรณ์แบบในนิยายหรือละครเสมอไป หลายต่อหลายครั้งชีวิตก็มีอุปสรรคเข้ามาท้าทายว่าเราจะก้าวข้ามผ่านมันไปยังไง ซึ่งสิ่งหนึ่งที่มักจะเข้ามาบ่อย ๆ ก็คือ “อกหัก” นั่นเอง

อกหักในที่นี้มีอยู่ 2 แบบ ไม่เราเทเขาก็เขาเทเรา แต่ไม่ว่าจะแบบไหนก็เจ็บอยู่ดี และการที่เคยมีเขาอยู่เคียงข้าง วันนี้กลับอ้างว้างว่างเปล่าเหมือนอยู่ตัวคนเดียว สิ่งทรมานที่ตามมาคือ “ความเหงา” ซึ่งจริง ๆ แล้วความเหงาไม่ได้ฆ่าใครได้แบบในเพลง ถ้าเรามีวิธีรับมือแล้วจัดการกับมัน นี่คือ 5 วิธีที่ Tonkit360 จะมาแนะนำ ว่าเราจะก้าวข้ามช่วงเวลาอันโดดเดี่ยวหลังจากโสดหมาด ๆ ไปยังไง

คุยกับตัวเองให้มากขึ้น

นี่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะได้อยู่กับตัวเอง ทำความรู้จักตัวเองแบบจริง ๆ จัง ๆ เสียที เชื่อไหมว่าบางคนยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าชอบอะไร ต้องการอะไร ทำอะไรอยู่ อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับตัวเอง ช่วงเวลาที่ผ่านมาเราอาจจะละเลยคนที่ใกล้ตัวเราที่สุดไป ตอนนี้กำลังเหงา ๆ ว่าง ๆ ก็กลับมาสนใจเขาหน่อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้หมกมุ่นอยู่แต่กับความคิดโทษตัวเอง คุยกับตัวเองเหมือนที่คุยกับเพื่อนคนหนึ่ง มันไม่เหมือนคนบ้าหรอก ตราบใดที่คนอื่นไม่ได้มาเห็น ดูซิว่ารู้จักตัวเองดีแค่ไหน แต่อย่าเชื่อทุกความคิดหรือหลงกลความคิดของตัวเองเด็ดขาด จงมีสติให้มาก ๆ

อยู่กับเพื่อน อยู่กับครอบครัว สนุกกับสัตว์เลี้ยง

จากคนที่เคยมีใครบางคนอยู่ข้าง ๆ กลายเป็นคนโสดตัวคนเดียวซะงั้น จะอ้างว้าง โดดเดี่ยว ว้าเหว่มันก็ไม่แปลก แต่ก็ไม่ใช่พวกหัวเดียวกระเทียมลีบซะหน่อย ถ้าคุยกับตัวเองพอแล้วก็เลิกอยู่คนเดียวนาน ๆ หาใครสักคนอยู่ด้วยให้รู้ว่าเราไม่ได้ตัวคนเดียว หากต้องการความอบอุ่น ต้องการกำลังใจเรายังมีครอบครัว อยากสนุกสนานบ้าบอคอแตกเราก็ยังมีเพื่อน หรือถ้าไม่ลำบากมากนัก ไปหาเจ้าตัวป่วนมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตดูสิ น้องแมวก็ได้ น้องหมาก็ดี น้องนกก็วุ่นวายพอตัว รับรองว่าความป่วนของพวกมันจะทำให้เราไม่มีเวลามานั่งเหงาหงอยเซื่องซึมอีกแน่นอน

ทำอะไรก็ได้ให้ยุ่ง ๆ เข้าไว้

เหงาเหรอ ก็หาอะไรทำให้หายเหงาสิ ในช่วงที่กำลังต่อสู้กับอาการเหงาอย่างหนัก ไปทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองยุ่ง ๆ เข้าไว้ ยุ่งขนาดนั้นจะเอาเวลาที่ไหนมาเหงา รักงานมากก็เข้าโหมดบ้างานไปสักพัก อยากผ่อนคลายก็อ่านการ์ตูน อ่านนิยาย ดูซีรีส์ กรี๊ดอปป้า ดูหนัง ฟังเพลง ร้องเพลง กระโดดโลดเต้นไปมา ถ้าไม่อยากทำอะไรเลยก็นอน นอนซะก็ไม่ต้องมานั่งเหงาคิดฟุ้งซ่านแล้ว ให้เวลาผ่านไป ตื่นมาก็วันใหม่ หายเหงา แฮปปี้! แต่อย่าทำตัวยุ่งด้วยวิธีนอนบ่อย ๆ ทำนาน ๆ เอาแค่ช่วงที่ตัวเองรู้สึกแย่มากจริง ๆ ไม่งั้นจะกลายเป็นคนขี้เกียจสันหลังยาวแทน

ช้อป ช้อป และช้อปคลายเครียด

แม้ว่าการซื้อความสุขด้วยเงินจะดูไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องเท่าไร แต่กลับมีผลการศึกษาหลายชิ้นที่รองรับ ว่าการบำบัดอารมณ์ด้วยการช้อปปิ้งเนี่ยมันช่วยเยียวยาจิตใจได้จริง ๆ เราเรียกว่า “Retail Therapy” ในทางจิตวิทยา มันเป็นการแสดงอำนาจในการจับจ่าย (Power of purchase) ประมาณว่าท่ามกลางเรื่องแย่ ๆ ฉันก็ยังมีอำนาจในการคุมอะไรบางอย่าง จ่ายเงินไป ได้ของมา ถึงการช้อปในขณะที่จิตใจไม่ปกติอาจทำให้เราเครียดหนักหลังเปิดกระเป๋าเงินก็ตาม ถ้ารู้สึกเหงา ๆ โศกเศร้าเสียใจ จะลองช้อปปิ้งบำบัดก็คงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ตราบเท่าที่เงินไม่หมดเกลี้ยง

แต่ถ้ากลัวตัวเองจะช้อปเพลินจนขาดสติ ใช้เงินเกินตัว ใช้วิธีช้อปปิ้งทิพย์ได้นะ อยากได้อะไรก็กด ๆ ใส่ตะกร้าไว้ แต่ยังไม่ต้องเช็กเอาท์ พออารมณ์กลับมาเป็นปกติแล้ว ก็ค่อยมาเลือกว่าอะไรที่อยากได้จริง ๆ อะไรที่เป็นอารมณ์ชั่ววูบ สิ่งที่กดมาเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบก็ลบออกไป ถือว่าช่วยพ่อค้าแม่ขาย และธุรกิจขนส่งให้รุ่งเรือง ส่วนตัวเองได้ของที่อยากได้ละกัน

รออย่างไม่เสียเวลา หาทำอะไรที่พัฒนาตัวเอง

ที่เขาบอกกันว่า “เวลาจะเยียวยาให้ดีขึ้น” มันเป็นเรื่องจริงนะ ไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน สุดท้ายแล้วเวลาก็ทำให้เราผ่านเรื่องแย่ ๆ ไปได้จริง แต่เวลาเป็นสิ่งมีค่า จะปล่อยผ่านไปเฉย ๆ ก็เสียดายแย่ เพราะฉะนั้น ลองหาอะไรก็ได้ที่คิดว่ามีประโยชน์ต่อตัวเองทำฆ่าเวลาดู จะลงเรียนคอร์สออนไลน์ อ่านหนังสือ ฝึกทำอาหาร ฝึกทำงานฝีมือ ออกกำลังกาย เล่นโยคะ ดำน้ำ ดูปะการัง หรือจะนั่งสมาธิฝึกจิตเข้าหาทางธรรมไปเลยก็ดี มันมีกิจกรรมสารพัดให้เราทำ อยู่ที่ว่าเราจะเอาชนะตัวเองแล้วลุกขึ้นมาทำจริง ๆ จัง ๆ หรือเปล่า