แผลเป็นบนผิวหนังมีหลายชนิด ดังนั้นรูปแบบการรักษาจึงมีความแตกต่างกันไป แม้ว่าปัจจุบันนี้จะยังไม่มีวิธีรักษาแผลเป็นให้หายได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็สามารถรักษาแผลเป็นให้มีอาการดีขึ้นกว่าเดิมได้มาก ดังนั้น ลองมาดูวิธีรักษาแผลเป็นบนผิวหนังทั้ง 11 วิธีดังที่เรานำมาแชร์ให้ทุกคนได้ลองศึกษากันดูตามนี้สิคะ รับรองว่าจะช่วยให้ปัญหาผิวดังกล่าวมีสภาพที่ดีขึ้นแน่นอน

1.ใช้ยาทา

ยาทาแก้แผลเป็น ไม่ว่าจะเป็นยาทากลุ่มสเตียรอยด์ ยาทาแบบซิลิโคนเจล หรือยาทาที่ผสมมิวโคโพลีแซคคาไรด์ ล้วนเป็นยาทาที่ช่วยให้แผลเป็นมีสีจางลง แต่อาจต้องใช้เวลาในการรักษามากพอสมควร

2.ใช้แผ่นเจล

การใช้แผ่นเจลซิลิโคนเพื่อปิดบนแผลเป็น จะช่วยให้สะดวกต่อการเคลื่อนไหวของผิวหนัง และยังช่วยลดการขยายตัวของแผลเป็นได้อีกด้วย รวมทั้งช่วยลดการสูญเสียน้ำบริเวณรอยแผลเป็นได้อีกเช่นกัน วิธีนี้มักใช้กับแผลเป็นใหม่ๆ ซึ่งจะปิดแผลไว้มากกว่า 12 ชั่วโมงต่อวัน และอาจต้องใช้เวลาในการรักษาประมาณ 4-6 เดือน ซึ่งวิธีนี้ไม่ควรใช้กับแผลเปิดเด็ดขาด

3.ฉีดยาสเตียรอยด์

การใช้วิธีฉีดยาสเตียรอยด์เพื่อรักษาแผลเป็น ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพราะวิธีนี้ต้องใช้การฉีดยาเข้าใต้แผลเป็น เพื่อทำให้แผลเป็นยุบตัวลง

4.ฉีดฟีลเลอร์

วิธีนี้จะใช้สำหรับแผลเป็นที่เป็นรอยบุ๋ม ซึ่งแพทย์จะทำการฉีดสารสังเคราะห์เข้าไปในรอยบุ๋ม เพื่อเป็นการทำให้ผิวดูเต็ม อาจจะใช้เวลาในการรักษาประมาณ 6-8 เดือนจึงจะเห็นผล

5.ยิงเลเซอร์

การยิงเลเซอร์เป็นวิธีการรักษาแผลเป็นโดยการทำลายเนื้อเยื่อผิวที่นูนให้มีความเรียบมากขึ้น

6.ใช้กรดผลไม้

การใช้กรดผลไม้รักษาแผลเป็นนั้น เป็นการรักษาที่ใช้วิธีการลอกผิวด้วยกรดผลไม้นั่นเอง แต่วิธีนี้เหมาะสำหรับแผลเป็นที่มีลักษณะตื้นมากๆ

7.ฉายรังสี

การรักษาแผลเป็นด้วยการฉายรังสีนั้น เป็นการทำให้แผลเป็นไม่นูนมากขึ้น

8.ผ่าตัดแผลเก่า

วิธีนี้เป็นการรักษาโดยศัลยแพทย์ ซึ่งจะทำการผ่าตัดเอาผิวหนังส่วนหนึ่งส่วนใดมาปิด เพื่อแก้ไขแผลเป็นเดิม

9.ใช้ความเย็น

การรักษาแผลเป็นโดยการใช้ความเย็นนั้น เป็นการเอาไนโตรเจนเหลวจี้ที่บริเวณแผลเป็น แต่เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับแผลเป็นที่นูนและหนา ซึ่งความเย็นจะทำให้เกิดภาวะถุงน้ำแล้วเกิดการแตกสลายนั่นเอง

10.ใช้พลังงานของแสง

การใช้พลังงานของแสงเพื่อรักษาแผลเป็น หรือที่เราเรียกว่าเป็นการทำ Intense Pulse Light เป็นการรักษาโดยการทำให้เนื้อเยื่อที่เป็นพังผืดเกิดการเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ ทำให้แผลเป็นมีขนาดเล็ก แต่จำเป็นต้องรักษาอย่างต่อเนื่องและใช้เวลานาน

11.การสักสีผิว

วิธีนี้จะใช้ในกรณีที่แผลเป็นมีสีที่เปลี่ยนแปลงและต่างจากสีผิวอย่างเห็นได้ชัด โดยแพทย์จะทำการสักสีเข้าไปในแผลเป็นเพื่อให้แผลเป็นและผิวมีสีที่สม่ำเสมอกันนั่นเอง

หลังจากที่ได้รู้ถึงวิธีการรักษาแผลเป็นบนผิวหนังทั้ง 11 วิธีกันไปเรียบร้อยแล้ว จะเห็นได้ว่าผู้ป่วยมีตัวเลือกในการรักษาแผลเป็นที่หลากหลาย และสามารถเลือกใช้วิธีการรักษาที่เหมาะสำหรับแผลเป็นของตัวเองได้ แม้ว่าการรักษาแผลเป็นจะยังไม่สามารถทำให้หายได้เป็นปกติร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็เชื่อว่าจะช่วยเรียกความมั่นใจให้กลับคืนมาได้เหมือนเดิมอย่างแน่นอน