เข้าหน้าร้อนทีไร!! ปัญหาใหญ่สำหรับสาวๆ ก็คือ กลัวผิวเสีย ผลิตภัณฑ์อย่างเช่นครีมกันแดดเลยเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่เราทั้งหลายใช้เป็นตัวช่วยมาเป็นเกราะป้องกันผิวของเราจากแสงแดดอันร้อนระอุ
แต่จะมีสักกี่คนที่จะมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเลือกซื้อเจ้าครีมหรือโลชั่นกันแดด ที่ก็ไม่รู้ว่า SPF คืออะไร ค่า PA คืออะไร ?? ใช้เท่าไหร่ถึงดี ถึงจะเหมาะกับผิวและเหมาะกับกิจกรรมระหว่างวันของตัวเอง วันนี้ darafashion เลยมีวิธีเลือกซื้อผลิตภัณฑ์กันแดด ให้เหมาะกับสภาพผิวและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนจ้า
1. ผิวแห้ง = เหมาะกับผลิตภัณฑ์กันแดดเนื้อโลชั่นที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
2. ผิวแพ้ง่าย = เหมาะกับผลิตภัณฑ์กันแดดที่เป็นเนื้อเซรั่มหรือโลชั่นเนื้อบางเบา ต้องไม่ผสมแอลกอฮอลล์และไม่มีน้ำหอม
3. ผิวมัน = เหมาะกับผลิตภัณฑ์เนื้อโลชั่น มากกว่าแบบครีม
ค่า SPF ที่เรามักเห็นแปะอยู่ตามผลิตภัณฑ์ ย่อมาจากคำว่า Sun Protection Factor ที่หมายถึง ค่าจำนวนของเวลาที่ผิวสามารถทนต่อแดด เช่น ถ้าผลิตภัณฑ์นั้นระบุไว้ว่า SPF15 จะแปลว่า เราสามารถอยู่กลางแดดได้ประมาณ 20×15 = 300 นาที หรือ 5 ชั่วโมงนั่นเอง แต่การคำนวณนี้อาจจะคลาดเคลื่อนได้ เนื่องจากครีมกันแดดอาจจะลบเลือนไปเมื่อเหงื่อออก โดนน้ำ หรือทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิต ประจำวัน ดังนั้น ทางที่ดีที่สุด คือควรทาครีมหรือโลชั่นซ้ำทุก 2 ชั่วโมง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
SPF15 = เหมาะสำหรับวันสบายๆ ที่ไม่ต้องออกไปเจอแดดแรงๆ นั่งเรียนอยู่ในห้องเรียนทั้งวัน หรือทำงานอยู่ที่บ้านค่ะ
SPF30 = เหมาะสำหรับวันที่อาจจะต้องโดนแดดบ้างอะไรบ้าง แต่ไม่ทั้งวัน เช่น ต้องเดินทางไปโรงเรียน ไปทำงาน เดินไปทานข้าวตอนกลางวัน
SPF50 = เหมาะสำหรับวันที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ต้องเจอกับแดดตลอดทั้งวัน รวมถึงคนที่ชอบเล่นกีฬากลางแจ้ง อย่างว่ายน้ำ วิ่งมาราธอน หรือ ปั่นจักรยาน
บ่อยครั้งที่เราจะเห็นอักษรย่อ PA บนผลิตภัณฑ์กันแดดด้วย ซึ่งค่า PA นั่นก็คือ ค่าที่วัดการป้องกันรังสี UVA ซึ่งรังสี UVA นี่เอง ที่เป็นสาเหตุของผิวแก่ เหี่ยว และมีริ้วรอย ดังนั้น ยิ่งค่า PA มี + มากเท่าไหร่ ก็หมายถึงประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA มาขึ้นเท่านั้น โดยปัจจุบันค่า PA มีอยู่ 3 ระดับ คือ PA+, PA++ และ PA+++ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูงสุด
คือครีมกันแดดที่ผสมรองพื้นเนื้อซิลิโคนชนิดทาแล้วไม่อุดตันรูขุมขน เนื้อครีมบางเบา เกลี่ยง่าย ปกปิดจุดด่างดำ รุขุมขนกว้างและริ้วรอยเส้นบางๆได้ดี ทำให้ผิวดูเสมอเรียบเนียน กระจ่างใสในทันทีแบบไม่มันวาว สามารถใช้แทนรองพื้นได้เลย เมื่อทางแป้งฝุ่นหรือแป้งเค้ก ทำให้แป้งติดได้ดีและทนนาน ไม่ทิ้งคราบและสามารถทาซ้ำระหว่างวันได้ เหมาะสำหรับทั้งกิจกรรมกลางแจ้งและในร่ม สามารถกันเหงื่อกันน้ำได้ มีความสามารถในการปกป้องแสงแดดสูงสุดทั้ง UVA, UVB ได้ 50 เท่า ป้องกันการเกิดฝ้ากระ และริ้วรอยแห่งวัยได้ดี
Liposhield HEV Melanin Technology เป็นเมลานินสังเคราะห์ที่มีขนาดโมเลกุลขนาดใหญ่ ที่ได้จาก กรดอะมิโน Tyrosine มีขนาด 5,000-10,000 ดาลตัน ไม่สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้แต่เคลื่อนอยู่บนผิว ทำหน้าที่คล้าย ร่ม คอยปกป้องผิว โดยกรดอะมิโน Tyrosine จะไปดูดซับ ในช่วงคลื่นแสงสีฟ้า-สีม่วง HEV (High Energy Visible Light หรือ VIS) ของคลื่นแสงที่ตามองเห็น 400-500 นาโนเมตร แทนเมลามินในผิวหนัง ซึ่งคลื่นแสง HEV จะทำร้ายผิวเช่นเดียวกันกับรังสี UVA,UVB (Ultra Violet ) จากการศึกษาพบว่าเมื่อผิวสัมผัสกับ HEV จะมีการแสดงออกของยีน 40 ยีนในผิวเพิ่มขึ้น แต่เมื่อใช้ Liposhield HEV Melanin Technology สามารถยับยั้งการแสดงออกของยีนได้ถึง 39 ยีน ยกเว้น ยีนของ Heat Shock Protein ที่เกิดจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นจากแสงที่ได้รับจากการศึกษา ดังนั้น ครีมกันแดดที่มีส่วนผสม Liposhield HEV Melanin Technology จึงสามารถต่อต้านสารอนุมูลอิสระจากมลภาวะต่างๆที่ทำร้ายผิว ลดการถูกทำลายเซลล์ผิว ลดการอักเสบ ช่วยต่อต้านการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ฝ้า กระ มะเร็งผิวหนังได้เป็นอย่างดีกว่าเทคโนโลยีเดิมๆทั้งหมด
แสงแดดคือพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งแสงแดดที่ตกกระทบพื้นโลกมีความยาวคลื่น 3 ช่วงคือ Infrared 66%, Visible Light 32% และ Ultra Violet 2% หรือแสง UV มี 2 ความยาวคลื่นหลักๆเท่านั้นที่ทะลุทะลวงถึงผิวโลกเรา
Cyclomethicone, Dimethicone Crosspolymer,Titanium Dioxide, Cyclopentasiloxane, PEG-10 Dimethicone, Alumina, Methicone, Vinyl Dimethicone/Methicone Silsesquioxane Crosspolymer, Phenyl Trimethicone, Simmondsia Chinensis (Jojoba) Seed Oil, Disteardimonium Hectorite, Acrylates/Dimethicone Copolymer, Zinc Oxide, Methyl Hydrogen Polysiloxane, Tocopheryl Acetate, Silica, Nylon-12, Polymethylsilsesquioxane,Hexyldecanol Pyrus Malus Apple Fruit Extract, Liposhield HEV,10% Solution(Mealnin) ,Caprylic/Capric Triglyceride,Diacetyl-Boldine,Phenoxyethanol, Methylparaben ,Ethylparaben CI 77492,CI 77491
ทาครีมกันแดดก่อนออกแดดอย่างน้อย 15 นาที หลังล้างหน้าสะอาดแล้ว ทาครีมบำรุง และตามด้วยทาครีมกันแดด โดยแต้มครีมกันแดด 5 จุดคือ หน้าผาก (แต้มเยอะหน่อยเพราะมีพื้นที่ผิวเยอะ) แก้ม 2 ข้าง จมูกและคาง จากนั้นเกลี่ยเกลี่ยครีมกันแดดไปในทิศทางเดียวกัน จนทั่วใบหน้า
กรณีใช้รองพื้นร่วมด้วย ให้ทารองพื้นหลังทาครีมกันแดดเรียบร้อยแล้ว เสร็จแล้วแต่งหน้าตามปกติ
ครีมกันแดดสามารถทาซ้ำระหว่างวันได้ ในกรณีมีกิจกรรมกลางแจ้งหรือเล่นกีฬากลางแจ้ง
มีฝ่าย R&D
พัฒนาสูตร และผู้เชี่ยวชาญดูแล อย่างใกล้ชิด
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : รีวิว เลือกใช้ครีมกันแดดอย่างไร ให้เหมาะกับผิว
เรื่องนี้ไม่อนุญาติ ให้แสดงความคิดเห็น