“ป่าช้าเหงา” สมุนไพรที่ผู้สูงอายุนิยมทานเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ทดแทน หรือควบคู่ไปกับการทานยาปฏิชีวนะ เพื่อรักษาอาการโรคเบาหวาน ฟังดูมีประโยชน์ และปลอดภัย แต่จริงๆ แล้วหากทานไม่มากเกินไป หรือทานไม่ถูกวิธี อาจเสี่ยงน้ำตาตกเฉียบพลันจนช็อก และเสียชีวิตได้
ป่าช้าเหงา คืออะไร?
ต้นป่าช้าเหงา หรือ หนานเฉาเหว่ย เป็นสมุนพรที่มีถิ่นกำเนิดจากจีน นิยมปลูกเพื่อเป็นสมุนไพร รักษาอาการของโรคต่างๆ ส่วนที่นำมาทานเพื่อบรรเทาอาการของโรค คือ ใบสด ที่มีรสขมจัด
สรรพคุณของใบป่าช้าเหงา หรือ หนานเฉาเหว่ย
- ลดน้ำตาลในเลือด
- ลดไขมันในเลือด
- ลดน้ำหนัก
- ลดความดันโลหิต
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง
- ปกป้องตับ (แต่หากเป็นโรคตับ ไม่แนะนำให้ทาน)
- ปกป้องไต (หาก GFR หรือค่าการทำงานของไตต่ำกว่า 60 ไม่แนะนำให้ทาน)
- กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
- แก้ปวด ลดอักเสบ
- ต้านเชื้อแบคทีเรีย
- ต้านเชื้อปรสิต
- เพิ่มคุณภาพของสเปิร์ม
- คนพื้นบ้านทานเพื่อแก้ไขมาลาเรีย
- คนในแอฟริกา และลิงชิมแปนซีกินเพื่อขับพยาธิ
ปริมาณของใบป่าช้าเหงาที่ควรทาน
-
ทานเป็นอาหาร
ทานใบป่าช้าเหงาโดยนำใบมารองกระทงห่อหมกแทนใบยอ หรือยำดอกขจรใส่ดอกป่าช้าเหงา คนพื้นบ้านนิยมกินช่วงเปลี่ยนฤดู ปลายฝนต้นหนาว เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ไม่ให้เจ็บป่วย (นิยมนำมาลวกน้ำร้อนก่อนรับประทาน เพื่อลดความขม และลดฤทธิ์ยา วันละ 3-5 ใบ)
-
ทานเป็นยา
เช่น เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือกินบำรุงร่างกาย
- กินใบสด ถ้ากินใบใหญ่เท่าฝ่ามือ วันละ 1 ใบ กินบ้างหยุดบ้าง เช่น กินวันเว้นวัน หรือ 2-3 วันกินที ถ้าจะกินทุกวัน แนะนำวันละ 1-2 ใบเล็กๆ ติดต่อกันไม่เกิน 1 เดือน อาจเว้น 1 เดือน แล้วเริ่มกินใหม่
- ต้มกิน ใบเท่าฝ่ามือ 3 ใบ ต้มกับน้ำ 1 ลิตร ต้มพอเดือด 3-5 นาที ดื่ม 250 มิลลิลิตร ก่อนอาหารเช้า วันละ 1 ครั้ง ตอนตื่นนอน กินบ้างหยุดบ้าง
ไม่แนะนำให้กินทุกวัน หรือกินต่อเนื่อง เพราะเป็นยาเย็น
(จากการใช้ของคนไทใหญ่และทางใต้ มักกินไม่เกินวันละ 5 ใบ)
ข้อควรระวังในการทานใบป่าช้าเหงา
- ห้ามใช้ในคนไข้กินยาละลายลิ่มเลือดชื่อวาร์ฟาริน เพราะอาจเสริมฤทธิ์ยา
- ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ หรือวางแผนจะตั้งครรภ์
- ผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับ และไตบกพร่อง (ผู้เชี่ยวชาญบางท่านแนะนำว่าหากค่าการทำงานของไต GFR น้อยกว่า 60 ไม่ควรทาน) เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลยืนยันความปลอดภัยในการใช้ในกลุ่มผู้ป่วยดังกล่าว
- ไม่ควรทานเป็นยา ในผู้ที่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด คุมความดันโลหิตได้ดีอยู่แล้ว
- ระวังการใช้ในผู้ป่วยเลือดจาง เนื่องจากบางรายงานพบฤทธิ์ทำให้เม็ดเลือดแดงแตก
ข้อควรทราบก่อนทานใบป่าช้าเหงา
- สมุนไพรไม่ได้ทำให้โรคดังกล่าวหายขาด ห้ามหยุดยาแผนปัจจุบัน ห้ามขาดการรักษา
- ผู้ป่วยควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ความดันตก (BP < 90/60 มิลลิเมตรปรอท อาจมีวิงเวียน หน้ามืด) น้ำตาลตก (ระดับน้ำตาล < 70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร อาจมีวิงเวียนหน้ามืด ใจสั่น เหงื่อกออก) ต้องหยุดกินทันที
- จากรายงานการใช้ พบว่าให้ผลลดความดันและน้ำตาลได้เร็ว และลดได้มาก ในผู้ป่วยบางราย (Haemolytic properties) แต่บางรายงานก็ไม่พบผลดังกล่าว
- พบพิษต่ออัณฑะในหนูเพศผู้ เมื่อใช้ติดต่อกัน 5-6 วัน ระวังการใช้ติดต่อกันนานหรือเข้มข้นในชายวัยเจริญพันธุ์
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : อันตรายของ “ป่าช้าเหงา” สมุนไพรช่วยลดน้ำตาลในเลือด ทานมากอาจช็อกเสียชีวิต
เรื่องนี้ไม่อนุญาติ ให้แสดงความคิดเห็น