รู้หรือไม่ว่าผลการศึกษาล่าสุดที่เผยแพร่ในวารสาร  British Journal of Sports Medicine พบว่าการใส่หน้ากากอนามัยในขณะที่ออกกำลังกายไปด้วยนั้น ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการออกกำลังกายได้

จากการทดลองให้อาสาสมัครที่เป็นผู้ใหญ่สุขภาพดีจำนวน 31 คน (อายุ 18-29 ปี) วิ่งบนลู่วิ่งจนหมดแรง โดยให้วิ่งขณะที่ใส่หน้ากาก 1 ครั้ง และวิ่งโดยที่ไม่ใส่หน้ากาก 1 ครั้ง จากนั้นมาวัดผลความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ ความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด และการหายใจ หลังจากออกกำลังกายเสร็จสิ้นไปราว 7 นาที

ปรากฏว่าการใส่หน้ากากขณะที่วิ่งไปด้วยนั้น ส่งผลให้ระยะเวลาในการออกกำลังกายลดลง 14 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอาสาสมัครที่ร่วมการทดลองเผยว่าพวกเขาจะรู้สึกเหนื่อยเร็วขึ้นกว่าเดิม ขณะที่ค่า VO2 Max  หรืออัตราการใช้ออกซิเจนสูงสุดของร้างกายในขณะออกกำลังกาย ก็ลดลง 29 เปอร์เซ็นต์ด้วย

อย่างไรก็ตาม การสวมใส่หน้ากากในการออกกำลังกายกลางแจ้ง ถือเป็นสิ่งที่ควรกระทำเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 จากผู้อื่น และเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย

เลือกหน้ากากให้เหมาะสม

ควรเลือกหน้ากากผ้าที่ทำจากวัสดุที่ระบายความชื้นได้เป็นอย่างดี  และควรมีความหนาไม่เกิน 2 ชั้น ส่วนหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ซึ่งเป็นกระดาษนั้น อาจจะไม่เหมาะสมสำหรับการใส่ออกกำลังกาย เพราะเหงื่อที่ออกมานั้นทำให้หน้ากากเปียก และส่งผลต่อการหายใจในระหว่างออกกำลังกายได้

นอกจากนี้ ก็ควรมีหน้ากากสำรองไว้เปลี่ยนด้วย หากหน้ากากที่ใช้เริ่มมีความชื้นหรือเปียกจากเหงื่อที่ไหลออกมา และเพื่อสุขอนามัยที่ดี ควรทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ก่อนที่จะเปลี่ยนหน้ากากอนามัยใหม่ทุกครั้งด้วย

ปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกาย

หากวางแผนว่าจะออกกำลังกายในสถานที่ที่ต้องสวมหน้ากาก แต่สุขภาพไม่ได้แข็งแรงสมบูรณ์ ควรปรึกษาแพทย์เสียก่อน เพราะอาจส่งผลต่อสมรรถภาพทางกาย หรือความสามารถในการหายใจได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและปอด ซึ่งแพทย์จะได้ให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับอาการและประวัติสุขภาพของเราได้

เริ่มจากออกกำลังกายเบา ๆ – ปานกลาง

หากไม่ได้เป็นคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ นอกจากการอบอุ่นร่างกายจะเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญแล้ว ก็ควรเน้นไปที่การออกกำลังกายที่มีความเข้นข้นในระดับต่ำไปจนถึงปานกลางก่อน

เมื่อเริ่มคุ้นเคยกับการใส่หน้ากากออกกำลังกายแล้ว อาจจะเพิ่มความเข้มข้นของการออกกำลังกายให้หนักขึ้นได้ แต่ควรเริ่มจากช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว และค่อยเพิ่มระยะเวลาให้นานขึ้น

โฟกัสที่ความทนทานมากกว่าความเร็ว

ในกรณีที่ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อหัวใจและปอด ควรจะโฟกัสไปที่ความทนทานหรือความอึดในการออกกำลังกาย มากกว่าจะเน้นไปที่ความเร็ว เช่นการวิ่งออกกำลังกาย ให้วิ่งด้วยอัตราก้าวที่สม่ำเสมอ และความเร็วปานกลาง แต่วิ่งในระยะเวลาที่นานขึ้น แทนที่จะเน้นการสปีดความเร็ว

ตรวจเช็กอัตราการเต้นของหัวใจ

หากใส่สมาร์ทวอทช์ในระหว่างออกกำลังกาย ให้ตรวจเช็กอัตราการเต้นของหัวใจของตนเองด้วย หากพบว่าอัตราการเต้นของหัวใจสูงกว่าปกติ อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าควรจะลดระดับความเข้มข้นในการออกกำลังกาย หรือลดระยะเวลาออกกำลังกายให้น้อยลง รวมถึงอาจจะต้องเพิ่มเวลาในช่วงพักให้นานขึ้นด้วย

สังเกตร่างกายตนเอง

การใส่หน้ากากในขณะที่ออกกำลังกายไปด้วยทำให้ร่างกายเกิดความเครียดได้ ดังนั้น จึงต้องหมั่นสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเองด้วย

หากมีอาการหายใจลำบาก เวียนศีรษะ มึนงง เจ็บหน้าอก ให้หยุดออกกำลังกายทันที และให้หาสถานที่ที่สามารถถอดหน้ากากเพื่อรับออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย และทำให้ร่างกายผ่อนคลายขึ้น