ปิดเมนู
หน้าแรก

สารสกัดมัลเบอรี่ (Mulberry Extract) ใช้ผสมในเครื่องสำอาง สบู่ ครีมบำรุงผิว

เปิดอ่าน 19,439 views

สารสกัดมัลเบอรี่ (Mulberry Extract)

ใช้ผสมในเครื่องสำอาง สบู่ ครีมบำรุงผิว

 

สารสกัดมัลเบอรี่ (Mulberry Extract) หรือที่เรียกว่า หม่อน นั้นเองคะ เราสามารถนำสารสกัดจากมัลเบอรี่ (Mulberry Extract) มาใช้ผสมในเครื่องสำอาง เพื่อลดความคล้ำบนใบหน้า ซึ่งจากการวิจัยหลายชิ้นพบว่า ผลลัพธ์ที่ได้ ได้ผลดี รวมทั้งยังลดฝ้า กระ และจุดด่างดำได้อีกด้วย โดยการยับยั้งเอ็นไซม์ไธโรสิเนส (Tyrosinase Enzyme) ซึ่งเป็นตัวการสำคัญในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin Pigment Process)

จากสารตั้งต้นที่มีอยู่แล้วในผิวหนังของคนเรา อย่างไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ซึ่งจากการทดสอบครั้งหนึ่งใช้สารสกัดจากลูกหม่อนเข้มข้น 2% ในอาสาสมัคร 20 คน พบว่าใบหน้าอาสาสมัครมีความขาวเพิ่มขึ้น 16 % ในเวลา 8 สัปดาห์ (Beauty Tips: หลีกเลี่ยงจากการเผชิญกับแสงแดดโดยตรง)

นอกจากนี้สารสกัดจากหม่อน ยังมีคุณสมบัติต่อต้านการอักเสบ และสามารถกำจัดอนุมูลอิสระได้อีกด้วย ดังนั้นการใช้เครื่องสำอางบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารสกัดหม่อนจะช่วยลดอาการอักเสบของผิว จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ผลิตเครื่องสำอางที่จะใช้สารสกัดหม่อนนี้เป็นส่วนผสม

 

Herbal Benefits:

  • ช่วยลดความคล้ำของสีผิว รวมทั้งลดฝ้า กระ และจุดด่างดำ ให้จางลงอย่างเห็นได้ชัด
  • มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ต้านการอักเสบ (Anti Inflammatory) และมีฤทธิ์เป็น AHA ช่วยผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ

How to Use It:

สามารถใช้ผสมกับโทนเนอร์ (Tonner) หรือครีมบำรุงให้เหลือความเข้มข้นประมาณ 10% แล้วจึงใช้ทาผิวหน้าและผิวกาย

ข้อมูลย่อ (EB-สารเติมแต่งสำหรับหน้าและผิว)
ชื่อทั่วไป/ชื่ออื่น
Mulberry Extract (สารสกัดมัลเบอรี่)
ชื่อวิทยาศาสตร์
Phyto Mulberry
สูตรทางเคมี
 
CAS Number
 
เกรดสินค้า
เกรดเครื่องสำอาง (Cosmetic Grade)
แหล่งกำเนิดสินค้า
Canada (แคนาดา)
การใช้งาน
สารผิวขาว และ สารผลัดเซลล์ผิว(Whitening and Peeling)
ประเภทสินค้า
 
ปริมาณการใช้ (%)
2-5% Whitening cream (ครีมผิวขาว)
ขนาดบรรจุ
 
บรรจุภัณฑ์
 
ส่วนผสมหลัก (Main ingredient)
 
ข้อมูลทั่วไป
สารสกัดเข้มข้นจากใบหม่อน ใช้รักษาฝ้า มีคุณสมบัติยังยั้งเอ็นไซม์ไทโรซิเนส ลดการอักเสบ
เอกสารที่เกี่ยวข้อง (Related documents)

ราคา กก. ละ 5,250 บาท

****สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่****

ศูนย์อบรมเครื่องสำอาง JMC

(JMC Cosmetic Training Center)

Managing Director

Tel: 083-007-8589, Line ID: careandliving

https://www.facebook.com/JMC-Cosmetic-Training-Center-113166417038006/

สถานที่อบรม :

ศูนย์อบรมเครื่องสำอาง

อาคารเลขที่ 88/22 หมู่บ้าน เนอวานา พาร์ค (Nirvana Park)

ซ. รามคำแหง 53 ถ. รามคำแหง แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง 10310

มีฝ่าย R&D 
พัฒนาสูตร และผู้เชี่ยวชาญดูแล อย่างใกล้ชิด

How To Grow a Mulberry Tree

 

สอนทำเครื่องสำอาง หลักสูตรระยะสั้น เพื่อสร้างแบรนด์ของคุณเอง

ศูนย์อบรมเครื่องสำอาง JMC 

JMC Cosmetics Training Center

*****เนื้อหาและสิ่งที่จะได้รับ*****

  1. เอกสารประกอบการเรียน พื้นฐานผิวหนัง ความหมายของเครื่องสำอาง
  2. วิธีปฎิบัติ หน้าที่สารสำคัญต่างๆ ในการขึ้นสูตรตำรับ
  3. แนะนำบริษัทที่ขายวัตถุดิบที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ มาจำหน่ายในประเทศไทย
  4. สอนวิธีการคำนวณต้นทุนครีมเมือเทียบเป็นกิโลกรัม สามารถลดต้นทุนได้มากกว่า 10 เท่า
  5. แนะนำวิธีการเลือกสารสกัด สารออกฤทธิ์ต่างๆมาใส่ในสูตรให้เหมาะสม ออกฤทธิ์ได้ดีเห็นผล
  6. สอนการใช้อุปกรณ์ที่จำเป็นพื้นฐานในห้องแลบ
  7. สอนวิธีการตรวจสอบคุณภาพครีม การดู สี กลิ่น การซึมเข้าสู่ผิว การเกลี่ย เนื้อสัมผัส การวัดความเป็นกรดด่างของครีมและสภาวะที่เหมาะสม
  8. สอนวิธีการทดสอบคุณภาพ Stability Test เช่น Centifugation, Heating –Cooling Cycle, Viscosity Testing
  9. แนะนำโรงงานที่จัดจำหน่าย กระปุก หลอดครีม ภาชนะบรรจุต่างๆ
  10. แนะนำโรงงานทำฉลาก สติ้กเกอร์ ทำกล่อง สกรีนบรรจุภัณฑ์ต่างๆ
  11. แนะนำระบบ GMP โรงงาน
  12. แนะนำเรื่องการตลาด การสร้างแบรนด์
  13. แนะนำการจดทะเบียนโรงงาน การจดทะเบียนผู้ประกอบการ การจดแจ้ง อ.ย
  14. แนะนำช่องทางการจัดจำหน่าย ออนไลน์ ออฟไลน์
  15. สอนจนเข้าใจ สามารถกลับไปทำเองได้แน่นอนเรียนจบได้ภายใน 1 วัน
  16. ราคารวมอาหารกลางวันและอาหารว่างแล้ว
  17. มีใบประกาศนียบัตรมอบให้
  18. กรณีสามารถเรียนซ้ำได้ โดยจ่ายแค่ 50% ของราคาหลักสูตร
  19. ทางสถาบันมีอุปกรณ์ให้ท่านไม่ต้องเตรียมมา

สำหรับผู้ที่อยากรู้ลึกและครบทุกเนื้อครีม

  1. ให้สูตรที่ใช้วัตถุดิบตั้งต้นสำหรับการผลิตขายในเชิงอุตสาหกรรม
  2. ใช้ Homogenizer และเครื่องมือมาตรฐานแล๊บที่นักพัฒนาผลิตภัณฑ์ใช้งานจริง 
  3. ผู้เรียนได้ลงมือทำการผลิตเองทุกขั้นตอน 
  4. แนะนำแหล่งซื้อวัตถุดิบ และอุปกรณ์เครื่องมือ

หลักสูตรเหมาะสำหรับ ☑️เจ้าของแบรนด์ ☑️ผู้ผลิต ☑️ผู้สนใจเริ่มธุรกิจ

  1. ประสบการณ์สอนแบบไพรเวทนาน 10 ปี 
  2. หลักสูตรโดยนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางปริญญาโทมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง 
  3. เราเป็นมืออาชีพด้านการผลิตเครื่องสำอางทุกประเภท
  4. ห้องแล๊บใหม่ 

#ครีมเกรดพรีเมี่ยม  #ไม่มีกั๊กสูตร #สอนปรับสูตร #สอนออกแบบสูตรเอง #เครื่องมือมาตรฐานแล๊บ #อาจารย์ตอบทุกคำถาม #สอนทำครีม #สอนทำมาส์ก #สอนทำครีมกันแดด #สอนทำเครื่องสำอาง #สอนทำสบู่ #สอนทำแชมพู #สอนจดอย #สอนการตลาด #สร้างแบรนด์

#รับพัฒนาสูตรครีม #รับแกะสูตรครีมเคาน์เตอร์แบรนด์ #ขายสูตรครีมเคาน์เตอร์แบรนด์ #ขายสูตรครีมเกรดพรีเมี่ยม #ขายสูตรครีมเกาหลี #รับแกะสูตรสบู่ #ขายสูตรสบู่

#รับแกะสูตรครีม ดอนเมือง #รับแกะสูตรครีม ราคา #แกะสูตรครีมpantip #รับแกะสูตรครีม ระยอง #รับแกะสูตรเครื่องสําอาง #รับแกะสูตรยา #รับแกะสูตรสบู่

เปิดอบรม “สอนทำเครื่องสำอาง สอนทำครีม” สอนวันเดียวทำได้เลย โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องสำอาง

 

สอนจากประสบการณ์จริง เรียนได้แม้ไม่มีพื้นฐาน

1. หลักสูตรยอดนิยม

ดังนี้

1. ครีมมาร์คหน้าขาวใสข้ามคืน (Overnight Whitening Mask Cream)  4,500 บาท

2. ครีมบำรุงผิวหน้าขาวใส ลดฝ้ากระ  (Day and Night Whitening Cream)  4,500 บาท

3. เซรั่มลดเลือนริ้วรอยสูตรเข้มข้น (Anti Wrinkle Concentrated Serum)  4,500 บาท

4. ครีมกันแดดผสมรองพื้น  SPF 50/PA+++  (Sunscreen With Foundation SPF50/PA+++)  4,500 บาท

5. เจลล้างหน้าเพื่อผิวกระจ่างใส (Whitening Cleansing Clear Gel )** 3,000 บาท

*****สามารถแยกเรียนเป็นหลักสูตรได้*****

โปรโมชั่นหลักสูตร 1-4 ราคารวม  21,000 บาท ลดเหลือ 16,000 บาท

แถมหลักสูตรที่ 5 มูลค่าอีก 3,000 บาทฟรี

สมัครเรียน 2 ท่าน ลดเพิ่มอีก 5% ทันที

*****เปิดสอนทุกสัปดาห์ ****

ศูนย์อบรมเครื่องสำอาง JMC

(JM Cosmetic Training Center)

Managing Director

Tel: 083-007-8589, Line ID: careandliving

 

 

cream-%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a1

มัลเบอร์รี่ (Mulberry)

มัลเบอร์รี่ (Mulbery) หรือหม่อน เป็นพืชเมืองร้อนมีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศแถบเอเซีย อยู่ในกลุ่มเดียวกับพืชตระกูลเบอร์รี่ อย่างเช่น บลูเบอรี่และราสเบอรี่ จัดเป็นไม้พุ่มยืนต้นขนาดกลางมีอายุยืน ลำต้นมีเปลือกหุ้มสีเขียวเข้มหรือสีน้ำตาล ใบเป็นใบเลี้ยงเดี่ยวมีสีเขียวเข้ม ลักษณะของใบเป็นแฉกและใบรูปไข่ปนอยู่ในต้นเดียวกัน ขอบใบเรียบ ใบหยาบมีขนบนใบ ก้านใบเรียวเล็ก ดอกออกเป็นช่อทรงกระบอกยาวคล้ายหางกระรอกยาว 2 เซนติเมตร ดอกจะออกตามซอกใบ กลีบดอกมีสีขาวหรือสีขาวเขียวอ่อน ดอกตัวเมียและดอกตัวผู้จะอยู่แยกกันคนละช่อแต่จะอยู่บนต้นเดียวกัน ดอกทุกดอกจะติดผลเมื่อได้รับการผสมแล้ว ผลมีเป็นทรงกลมเล็กๆ อยู่รวมกันเป็นช่อยาวเรียกว่า ผลรวม มีขนาดประมาณ 8-10 เซนติเมตร ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อสุกผลจะค่อยเปลี่ยนสีจากเขียวเป็นชมพู แดงและแก่จัดจะมีสีม่วงเข้มหรือสีแดงดำ รสชาติหวานอมเปรี้ยวหรือหวานเพียงอย่างเดียว ผลสุกสามารถรับประทานสดได้ เจริญเติบโตได้ในดินร่วนที่ระบายน้ำได้ดี ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ การเสียบยอด การติดตา การแยกรากและการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

มัลเบอร์รี่ มีหน้าตาคล้ายกับพวงองุ่นขนาดเล็ก โดยผลไม้ชนิดนี้ก็จะมีชื่อเรียกต่างกันออกไปในแต่ละท้องถิ่น เช่น ภาคอีสาน เรียกว่า มอน คนไทยทั่วไปเรียกว่า ลูกหม่อน และภาษาจีนแต้จิ๋ว เรียกว่า ซิวเอียะ เป็นต้น โดยมัลเบอร์รี่มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Morus Alba มีลักษณะเป็นไม้พุ่มขนาดกลางสูงประมาณ 2-5 เมตร และมีเปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลแดง  ซึ่งมีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน โดยจะมีอายุยาวนานกว่า 80-100 ปีเลยทีเดียว

มัลเบอร์รี่นอกจากจะมีประโยชน์ในการนำมาเป็นอาหารเลี้ยงตัวไหมเพื่อผลิตเส้นไหมแล้ว มัลเบอร์รี่ยังเป็นยาสมุนไพรโดยเฉพาะในประเทศจีนนั้นจะนำส่วนของต้นหม่อน ทั้งส่วนของลำต้น เปลือกราก กิ่งอ่อน ใบและผลมาผสมกันเพื่อรักษาโรคที่เกิดจากความผิดปกติ โรคปวดข้อ และยาถ่ายพยาธิ โดยใบนำมาเป็นส่วนผสมของยาจีนหรือนำมาทำเป็นชาใบหม่อนมีสรรพคุณขับเหงื่อ แก้ไข แก้ร้อนในกระหายน้ำ หรือใช้เป็นยาอมแก้เจ็บคอ ช่วยให้ชุ่มคอ ต้มด้วยน้ำสะอาดแล้วปล่อยให้เย็นนำไปล้างหน้าแก้โรคตาแดง ตาแฉะ สายตาพร่า และยังเป็นยาระบายอ่อนๆ อีกด้วย

สายพันธุ์ของมัลเบอร์รี่

คนไทยจะรู้จักมัลเบอร์รี่ในชื่อ “หม่อน” ในอดีตนิยมปลูกกันมามากในภาคเหนือและอีสานเพื่อนำใบมาเป็นอาหารในการเลี้ยงหนอนไหมเพื่อผลิตเส้นไหมสำหรับการทอเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม มัลเบอร์รี่แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ

  1. หม่อนสายพันธุ์สำหรับเลี้ยงไหมได้แก่ สายพันธุ์ White Mulberry เป็นหม่อนสายพันธุ์ที่มีใบดกและมีขนาดใหญ่เหมาะแก่การนำมาเลี้ยงไหม เพราะให้ปริมาณใบมากเพียงพอต่อการเลี้ยงไหม ผลมีขนาดช่อเล็กและมีรสเปรี้ยวแม้จะแก่จัดแล้วก็ตาม จึงไม่นิยมรับประทานผลของม่อนชนิดนี้
  2. หม่อนสายพันธุ์สำหรับรับประทานผล หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “มัลเบอร์รี่” ได้แก่ สายพันธุ์ Black Mulberryหม่อนสายพันธ์ุนี้จะมีช่อผลขนาดใหญ่กว่าสายพันธุ์แรก เมื่อสุกจะมีรสหวานหรือหวานอมเปรี้ยวซึ่งนิยมนำมารับประทานทั้งสดและนำมาแปรรูปเป็นอาหารและเครื่องดื่มหลายอย่าง เช่น แยมมัลเบอร์รี่ น้ำมัลเบอร์รี่ เป็นต้น ปัจจุบันได้มีการพัฒนาสายพันธุ์มัลเบอร์รี่สำหรับรับประทานเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและปริมาณของลูกมัลเบอร์รี่เพิ่มขึ้นมากกว่า 20 สายพันธุ์

โดยหม่อนที่กินผลไม้ก็จะเป็นคนละชนิดกับหม่อนที่รู้จักในตอนแรกอีกด้วย เพราะเป็นสายพันธุ์ที่ได้ทำการพัฒนาขึ้นมา เช่น หม่อนผลสดพันธุ์เชียงใหม่ หม่อนพันธุ์นครราชสีมา 60 และหม่อนพันธุ์สกลนคร 72 เป็นต้นโดยผลหม่อนที่กินได้นั้น เริ่มแรกเลยจะมีลักษณะเป็นสีขาวเขียว ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีชมพูและสีแดงเมื่อเริ่มห่าม และเมื่อสุกเต็มที่ก็จะเป็นสีม่วงอมดำ ทั้งยังมีรสชาติหวานจัด ซึ่งก็นิยมกินผลสดๆ และนำมาปั่นเป็นน้ำมัลเบอร์รี่กันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังสามารถนำมาแปรรูปเป็นอาหารหรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้อีกมากมายอีกด้วย รวมถึงการนำไปทำเป็นไอศกรีม ซึ่งก็มีรสชาติอร่อยไม่แพ้กันเลยทีเดียว

คุณค่าทางสารอาหารของมัลเบอร์รี่หรือลูกหม่อน

มัลเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูงมาก โดยพบว่าในมัลเบอร์รี่มี สารแอนโธไซยานิน (Anthocyanin)สูงมาก ซึ่งจะช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคมะเร็งและลดการเกิดโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมองได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังพบว่าหากกินลูกหม่อนอย่างต่อเนื่อง ก็จะช่วยลดการตายของเซลล์ประสาท ทำให้ไม่เสี่ยงเป็นโรคอัลไซเมอร์ และสามารถบรรเทาอาการของโรคพิษสุราเรื้อรังได้เช่นกัน และด้วยคุณค่าทางสารอาหารที่ดีนี่เอง จึงทำให้มัลเบอร์รี่เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางเลยทีเดียว

คุณประโยชน์มหาศาลในมัลเบอร์รี่ หรือ หม่อน (Mulberry)

นอกจากต้นมัลเบอร์รี่จะสรรพคุณทางยาแล้วมัลเบอร์รี่ยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการต่อร่างกาย

  1. ป้องกันโรคมะเร็ง ผลมัลเบอร์รี่นั้นมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ในปริมาณที่สูงมาก สารแอนโทไซยานินคือรงควัตถุหรือสารให้สีตามธรรมชาติ ซึ่งสีที่ได้จากสารแอนโทไซยานิน คือ สีแดง สีน้ำเงินและสีม่วงที่มีอยู่ในผลเบอร์รี่ และยิ่งสีของผลมัลเบอร์รี่เข้มมากปริมาณสารแอนโทไซยานินก็จะยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย สารแอนโทไซยานิทมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti Oxidant) ชั้นยอดอีกชนิดหนึ่ง ช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นกับเซลล์ในร่างกาย ลดการอักเสบของเซลล์ตามส่วนต่างๆ ที่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เซลล์เกิดการกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็ง จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง
  2. ชะลอการแก่ก่อนวัย โดยสารแอนโทไซยานินในมัลเบอรร์รี่จะเข้าไปจับตัวกับอนุมูลอิสระที่อยู่ในร่างกาย ทำให้อนุมูลอิสระไม่สามารถเข้าไปทำลายเซลล์และผนังเซลล์ในร่างกายได้ เซลล์คงน้ำที่ให้ความชุ่มชื้นและแข็งแรงมีอายุอยู่ได้นานขึ้น ซึ่งถ้าเซลล์สูญเสียน้ำและอาหารออกจากเซลล์จะทำให้เซลล์เสื่อมสภาพจนเป็นสาหตุของการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ดังนั้นการรับประทานมัลเบอร์รี่เป็นประจำจะช่วยชลอการเกิดริ้วรอยบนผิวหนังได้
  3. ป้องกันโรคหลอดเลือดอุดตันและโรคหัวใจ สารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในผลมัลเบอร์รี่จะเข้าไปขัดขวางไม่ให้ไขมันที่มีความหนาแน่นต่ำเกิดปฏิกิริยากับอนุมูลอิสระและจับตัวตามผนังหลอดเลือดจนเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน โรคหัวใจ โรคสมองขาดเลือด ดังนั้นการรับประทานมัลเบอร์รี่จะทำช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคที่มีสาเหตุมาจากไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้
  4. ป้องกันโรคเบาหวาน ใบของต้นมัลเบอร์รี่มีสาร Deoxynojirimysin ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ สาร Deoxynojirimysin ชนิด 1-deoxynojirimysin (DNJ) เป็นสารแอลคาลอยด์ที่มีโครงสร้างเหมือนกับน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว (Monosacchaides) โดยสารdeoxynojirimysin จะเข้าไปยับยั้งการทำงานของเอนไซต์ที่มีหน้าที่ในการย่อยแป้ง เอนไซต์จึงไม่สามารทำการย่อยแป้งจากอาหารที่รับประทานให้เปลี่ยนไปเป็นน้ำตาลได้ เป็นผลให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดลดลงและยังช่วยลดการหลั่งของสารอินซูลิน ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน
  5. ลดความดันโลหิตและโรคอัสไซเมอร์ มัลเบอร์รีมีสารกาบา (Gaba) ที่เป็นกรดอะมิโนที่มีความสำคัญในการเป็นสารสื่อประสาท (Neurotransitter) ที่ทำหน้าที่ในส่วนของการยับยั้งประสาทส่วนกลางให้ทำงานปกติ ทำให้สมองรู้สึกผ่อนคลาย นอนหลับสนิท ลดความเครียดซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคความดันโลหิต ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคอัลไซเมอร์ที่เกิดจากความผิดปกติของสารสื่อประสาท และยังทำหน้าที่กระตุ้นต่อมไร้ท่อ (Anterior Pituitary) ที่ผลิตออร์โมนที่ช่วยด้านการเจริญเติบโต (HGH) ทำให้มีการสร้างเซลล์ใหม่เกิดขึ้นในร่างกายจึงเพิ่มความกระชับให้กับกล้ามเนื้อส่งผลให้ผิวพรรณกระชับไม่เหี่ยวย่น
  6. ลดการสะสมของไขมัน สารต้านไขมัน (Lipotropic) เช่น สารกาบา โคลีน เมไทโอนีน อินอซิทอล เป็นต้น สารต้านไขมันในมัลเบอร์รี่จะเข้าไปช่วยป้องกันการสะสมของไขมัน โดยที่สารต้านไขมันนี้จะเข้าไปกระตุ้นการสร้างเลซิทินที่ช่วยให้คอเลสเตอรอลละลายได้ดีขึ้น เป็นผลให้คอเลสเตอรอลไม่สะสมอยู่ตามหลอดเลือหรือเกาะอยู่บนผนังหลอดเลือด ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ ช่วยให้ตับสามารถทำการสารพิษที่เข้าสู่ร่างกายออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงการเกิดโรคจากสารตกค้างภายในร่างกาย เช่น โรคนิ่ว โรคติดเชื้อในกระแสเลือด เป็นต้น และช่วยกระตุ้นการทำงานของต่อมไทมัสที่มีหน้าที่สร้างภูมิต้านทานของร่างกายให้ทำงานเต็มที่ ร่างกายจึงแข็งแรงไม่เจ็บป่วย
  7. ลดการดูดซึมคอเลสเตอรอล เนื่องจากในมัลเบอรร์รี่มีสารไฟโตสเอตรอล (Phytosterols) เป็นสารที่ได้จากพืชที่มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายกับโครงสร้างของคอเลสเตอรอล แต่สารไฟโตสเอตรอลไม่สะสมในหลอดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุของโรคไขมันอุดตัน เนื่องจากการที่โครงสร้างของสารไฟโตสเอตรอลเหมือนกับคอเลสเตอรอลทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารสารไฟโตสเอตรอลแทนคอเลสเตอรอลเข้าสู่ร่างกาย จึงเป็นการลดคอเลสเตอรอลได้ นิยมใช้สารไฟโตสเอตรอลเป็นสารลดหรือควบคุมคอเลสเตอรอลในร่างกาย เนื่องจากไม่มีโทษและยังใช้ได้ผลดีด้วย
  8. สารพอลิฟีนอล (Polyphenol) สารพอลิฟีนอลเป็นสารกลุ่มฟีนอลที่พบได้ในพืช เช่น โพลีฟีนอล แทนนิน (สารให้รสขมหรือฝาด) ลิกนิน เป็นต้น ซึ่งสารกลุ่มนี้มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการทำงานของอนุมูลอิสระบางชนิดได้เป็นอย่างดี ลดความเสี่ยงในการเป็นหลอดเลือดหัวใจตีบตัน โรคไขมันอุดตัน โรคหัวใจ ยับยั้งการทำงานของ Angiotensis-I Converting Enzyme ( ACE ) ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของโรคความดันโลหิต และเข้าไปช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างความร้อนของร่างกายทำให้ร่างกายมีความร้อนเหมาะสมกับการเผาพลาญพลังงานลดความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วน โดยการลดการปล่อยกลูโคสเข้าสู่กระแสเลือด เมื่อกระแสเลือดมีกลูโคสน้อยลงร่างกายจึงสร้างอินซูลินลดลงตามไปด้วย ซึ่งถ้าร่างกายมีอินซูลินมากจะทำให้เกิดการสะสมของไขมันตามร่างกาย ดังนั้นเมื่อร่างกายได้รับสารพอลิฟีนอลร่างกายจะเกิดกระบวนการเผาพลาญไขมันมากกว่ากระบวนการสะสมไขมัน เมื่อการเผาพลาญไขมันมากขึ้นปริมาณน้ำตาลในเลือดลดลงจึงช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานได้อีกด้วย
  9. วิตามินเอสูง ผลมัลเบอร์รี่มีวิตามินเอในปริมาณที่สูง ช่วยบำรุงสายตา ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกี่ยวกับตาและระบบประสาทตา เช่น โรคต้อกระจก การมองไม่เห็นในเวลากลางคืน ตาพร่า เป็นต้น ลดการอักเสบของสิวบนผิวหน้าที่เกิดจากการสะสมของสิ่งสกปรก ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับเหงือกและฟันภายในช่องปาก ลดความเสี่ยงในการอักเสบของเหงือก
  10. วิตามินบี 6 วิตามินที่ช่วยป้องกันการเกิดนิวในไต ตับ วิตามินบี 6 ช่วยบำรุงเลือดลดความเสี่ยงในการเป็นโรคโลหิตจาง ช่วยให้ร่างกายดูดซึมโปรตีนและไขมันได้ดีขึ้น และช่วยบำรุงเส้นประสาทลดการเกิดตะคริว มือชาหรือโรคปลายประสาทแขนขาอักเสบ
  11. วิตามินซี วิตามินซีเป็นวิตามินที่พบได้ในผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวหรือเปรี้ยวอมหวานทุกชนิด วิตามินซีมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ลดการเป็นไข้หวัด วิตามินซีจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ผิวพรรณดีไม่เหี่ยวย่น และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ผิวจึงดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลมากขึ้น
  12. กรดโฟลิก (Folic) เป็นกรดที่มีความสำคัญต่อร่างกายโดยเฉพาะคนท้อง เพราะว่ากรดโฟลิกช่วยในกระตุ้นหรือเสริมสร้างการผลิตเซลล์ใหม่หรือเพิ่มจำนวนเซลล์ที่มีคุณภาพมากขึ้นโดยเฉพาะทารกในครรภ์ เซลล์ที่เกิดขึ้นใหม่เมื่อมีปริมาณกรดโฟลิกที่เพียงพอจะความแข็งแรงทำให้ร่างกายแข็งแรงมีภูมิต้านทานโรคสูง ยังช่วยในการสังเคราะห์และซ่อมแซมสารพันธุกรรมอย่างดีเอ็นเอ (DNA) และอาร์เอ็นเอ (RNA) ป้องกันการกลายพันธ์ของสารพันธุ์กรรมลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง
  13. ป้องกันโรคติดเชื้อของระบบทางเดินอาหาร นอกจากลูกมัลเบอร์รี่ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาแล้ว ใบมัลเบอร์รี่ก็มีประโยชน์ไม่แพ้กัน โดยสารสกัดจากใบมัลเบอร์รี่นั้นมีสารแทนนินที่มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตและทำลายเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา เช่น Escherichia coli, Pseudomonas aeruginosa, Proteus vulgaricus, Staphylococcus aureus, Streptococcus เป็นต้น ที่เป็นสาเหตุของโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคท้องเสีย อาหารเป็นพิษ ลำไส้อักเสบหรือติดเชื้อ เป็นต้น และยังช่วยยับยั้งการเกิดโรคผิวหนัง โรคติดเชื้อในหูได้อีกด้วย

เทคนิคการปลูกมัลเบอร์รี่

การปลูกมัลเบอร์รี่ให้มีผลตลอดปีโดยปกติแล้วมัลเบอร์รี่หรือลูกหม่อนจะมีผลให้กินได้ตลอดปี แต่ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการปลูกด้วย ซึ่งมีเทคนิคในการปลูกดังนี้

  1. ควรปลูกหม่อนอย่างน้อย 4-8 ต้น เพื่อที่ลูกหม่อนแต่ละต้นจะได้สุกเหลื่อมกันแบบไม่ขาดช่วงมากนัก
  2. ให้โน้มกิ่งหม่อน 2 ต้นให้เข้าหากันเป็นทรงโค้ง เพื่อให้ต้นหม่อนได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอและทำให้ลูกดกขึ้น
  3. ควรตัดกิ่งแขนงต้นหม่อนอยู่เสมอ เพื่อให้ออกกิ่งใหม่ในทุกปี โดยตัดปีละ 2 ครั้งพร้อมกับรูดเอาใบออกด้วย
  4. สามารถเก็บผลหม่อนได้ตั้งแต่ลูกหม่อนเป็นสีแดง สีแดงอมม่วงหรือสีม่วงอมดำ ขึ้นอยู่กับว่าชอบกินรสชาติแบบไหน สำหรับระยะเวลาการเก็บผลของต้นหม่อนแต่ละต้นนั้น จะสามารถเก็บได้ประมาณ 1 เดือน และสามารถกินได้เลยโดยไม่ต้องล้างน้ำ เพราะการปลูกเองจะมีความปลอดภัยมากกว่า เนื่องจากไม่ได้ใช้สารเคมีหรือยาพ่นแมลงนั่นเอง แต่หากมีฝุ่นละอองเกาะติดอยู่ ก็ควรล้างทำความสะอาดก่อนเสมอ

นับว่ามัลเบอร์รี่เป็นพืชที่มีประโยชย์และคุณค่าทางโภชนาการที่สูงมาอีกชนิดหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นส่วนผล ลำต้นหรือใบ โดยเฉพาะผลมัลเบอร์รี่ที่แก่จัดจะมีสารอาหารที่ทรงคุณค่าหลายชนิด รวมถึงรสชาติที่อร่อยจึงทำให้มัลเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่กำลังได้รับความนิยมอีกชนิดหนึ่งของกลุ่มคนรักสุขภาพ ด้วยราคาที่ไม่สูง หาทานได้ง่ายในประเทศไทยเพราะมีการส่งเสริมการปลูกกันมากขึ้น จนในปัจจุบันนี้มีการปลูกมัลเบอร์รี่กันทั่วประเทศไม่ได้ทำการปลูกแค่ที่ภาคเหนือเพียงอย่างเดียว การรับประทานมัลเบอร์รี่นอกจากจะรับประทานผลสดแล้ว ยังมีการนำผลมัลเบอร์รี่มาแปรรูปเป็นสินค้าหลากหลายรูปแบบเพื่อตอบสนองความต้องการและง่ายต่อการบริโภค เช่น แยมมัลเบอร์รี่ น้ำมัลเบอร์รี่ ไวน์มัลเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่แช่อิ่ม เป็นต้น และยังมีการนำสารสกัดจากมัลเบอร์รี่ไปเป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอางด้วย มัลเบอร์รี่จึงนับเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพอีกชนิดหนึ่งที่ควรบริโภค

เอกสารอ้างอิง

แอพเพิลเกต, ลิซ. 101 อาหารรักษาหัวใจ.–กรุงเทพฯ : องค์การค้าของคุรุสภา, 2547. 342 หน้า. 1. อาหารเพื่อสุขภาพ. 2.โภชนบำบัด. I.จงจิต อรรถยุกติ, ผู้แปล. II.ชื่อเรื่อง. 641.56311 ISBN 974-00-8692-6.

Wilson, Charles L. “Tree pollen and hay fever”. Food and Agriculture Organization of the United Nations. Retrieved 17 May 2014.

Mulberry Tree. Pasadena, California. Retrieved 20 October 2012.

ศูนย์อบรมเครื่องสำอาง JMC

JM Cosmetics Training Center 

*****เนื้อหาและสิ่งที่จะได้รับ*****

  1. เอกสารประกอบการเรียน พื้นฐานผิวหนัง ความหมายของเครื่องสำอาง
  2. วิธีปฎิบัติ หน้าที่สารสำคัญต่างๆ ในการขึ้นสูตรตำรับ
  3. แนะนำบริษัทที่ขายวัตถุดิบที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ มาจำหน่ายในประเทศไทย
  4. สอนวิธีการคำนวณต้นทุนครีมเมือเทียบเป็นกิโลกรัม สามารถลดต้นทุนได้มากกว่า 10 เท่า
  5. แนะนำวิธีการเลือกสารสกัด สารออกฤทธิ์ต่างๆมาใส่ในสูตรให้เหมาะสม ออกฤทธิ์ได้ดีเห็นผล
  6. สอนการใช้อุปกรณ์ที่จำเป็นพื้นฐานในห้องแลบ
  7. สอนวิธีการตรวจสอบคุณภาพครีม การดู สี กลิ่น การซึมเข้าสู่ผิว การเกลี่ย เนื้อสัมผัส การวัดความเป็นกรดด่างของครีมและสภาวะที่เหมาะสม
  8. สอนวิธีการทดสอบคุณภาพ Stability Test เช่น Centifugation, Heating –Cooling Cycle, Viscosity Testing
  9. แนะนำโรงงานที่จัดจำหน่าย กระปุก หลอดครีม ภาชนะบรรจุต่างๆ
  10. แนะนำโรงงานทำฉลาก สติ้กเกอร์ ทำกล่อง สกรีนบรรจุภัณฑ์ต่างๆ
  11. แนะนำระบบ GMP โรงงาน
  12. แนะนำเรื่องการตลาด การสร้างแบรนด์
  13. แนะนำการจดทะเบียนโรงงาน การจดทะเบียนผู้ประกอบการ การจดแจ้ง อ.ย
  14. แนะนำช่องทางการจัดจำหน่าย ออนไลน์ ออฟไลน์
  15. สอนจนเข้าใจ สามารถกลับไปทำเองได้แน่นอนเรียนจบได้ภายใน 1 วัน
  16. ราคารวมอาหารกลางวันและอาหารว่างแล้ว
  17. มีใบประกาศนียบัตรมอบให้
  18. กรณีสามารถเรียนซ้ำได้ โดยจ่ายแค่ 50% ของราคาหลักสูตร
  19. ทางสถาบันมีอุปกรณ์ให้ท่านไม่ต้องเตรียมมา

สำหรับผู้ที่อยากรู้ลึกและครบทุกเนื้อครีม

  1. ให้สูตรที่ใช้วัตถุดิบตั้งต้นสำหรับการผลิตขายในเชิงอุตสาหกรรม
  2. ใช้ Homogenizer และเครื่องมือมาตรฐานแล๊บที่นักพัฒนาผลิตภัณฑ์ใช้งานจริง 
  3. ผู้เรียนได้ลงมือทำการผลิตเองทุกขั้นตอน 
  4. แนะนำแหล่งซื้อวัตถุดิบ และอุปกรณ์เครื่องมือ

หลักสูตรเหมาะสำหรับ ☑️เจ้าของแบรนด์ ☑️ผู้ผลิต ☑️ผู้สนใจเริ่มธุรกิจ

  1. ประสบการณ์สอนแบบไพรเวทนาน 10 ปี 
  2. หลักสูตรโดยนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางปริญญาโทมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง 
  3. เราเป็นมืออาชีพด้านการผลิตเครื่องสำอางทุกประเภท
  4. ห้องแล๊บใหม่ 

2. หลักสูตรเวชสำอางรักษาสิว

1.เจลล้างหน้า รักษาสิว 3,500 บาท

2.ครีมแต้มสิว 3,000 บาท

3.โทนเนอร์ รักษาสิว 3,000 บาท

4.มาร์คหน้า รักษาสิว 3,500 บาท

5.ครีมกันแดดสำหรับคนเป็นสิว 3,500 บาท

ปกติราคา 16,000 บาท  ลดเหลือ 12,000 บาท

เจลเหลวล้างหน้า (Acne Clear Mild Cleanser)

ช่วยขจัดความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกต้นเหตุหนึ่งของสิว เผยผิวดูกระจ่างใสในการล้างครั้งเดียวไม่ทำให้หน้าแห้งตึง เหมาะสำหรับคนผิวมันและผิวผสม ผสมสารสกัดจากพืชธรรมชาติ 5 ชนิด ช่วยลดความมันบนหน้าได้เป็นอย่างดี กระชับรูขุมขน ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบและปลอบประโลมผิว

โทนเนอร์ลดสิวอักเสบสิวอุดตัน (Acne Clear Tightening Toner)

สูตรอ่อนโยนไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ด้วยเทคโนโลยี Time release สารสำคัญ Salicylic acid  ใช้ได้แม้คนผิวแพ้ง่าย ช่วยลดการอักเสบของสิว ทำให้หัวสิวแห้งเร็ว ลดรอยแดงและการอักเสบของผิว ช่วยลดจุดด่างดำรอยแผลเป็นจากสิวและลดสิวอุดตัน ผสมผสานสารสกัดจาก Witch hazelและใบบัวบกช่วยกระชับรูขุมขนและปลอบประโลมผิว

ครีมเจลแต้มสิว (Acne Clear Cream Gel)

ให้สิวหายเพียงข้ามคืน ด้วยเทคโนโลยี Time release สารสำคัญ Salicylic acid  ใช้ได้แม้คนผิวแพ้ง่าย สิวติดสเตียรอยด์ ช่วยลดการอักเสบของสิว ทำให้หัวสิวแห้งเร็ว ลดรอยแดงและการอักเสบของผิว ช่วยลดจุดด่างดำรอยแผลเป็นจากสิวและลดสิวอุดตัน ผสม วิตามินบี 3 ไฮยาลูรอนิค แอชิดให้ความชุ่มชื้นลดการแห้งลอกของผิว ให้ผิวกระจ่างใส สารสกัดจาก Mushroom ช่วยลดความมันและกระซับรูขุมขน

ครีมมาร์คสิว (Acne Clear Sleeping Mask)

ลดการอักเสบ บวมแดงของสิวเพียงข้ามคืน ทำให้หัวสิวยุบแห้งเร็วมาก เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นสิวเรื้อรัง สิวติดสเตียรอยด์ สิวอักเสบและสิวอุดตัน ใช้ได้แม้คนผิวแพ้ง่าย ผสม Thermal Heilmoor Clay จากทะเลสาบน้ำลึกที่อยู่บนเทือกเขาประเทศออสเตรีย มีปริมาณกรดอะมิโนสูงและไฟดตสเตอรอล  ผสานคุณค่าจากพืชสมุนไพรอีก 7 ชนิดและ Telmesteine ลดอาการแพ้และการอักเสบของผิวได้อย่างดี

 

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

ศูนย์อบรมเครื่องสำอาง JMC

(JMC Cosmetic Training Center)

Managing Director

Tel: 083-007-8589, Line ID: careandliving

สถานที่อบรม :

ศูนย์อบรมเครื่องสำอาง

อาคารเลขที่ 88/22 หมู่บ้าน เนอวานา พาร์ค (Nirvana)

ซ. รามคำแหง 53 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง 10310

มีฝ่าย R&D 
พัฒนาสูตร และผู้เชี่ยวชาญดูแล อย่างใกล้ชิด

 

купить б у ручной инструмент

TAGS ที่เกี่ยวข้อง

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : สารสกัดมัลเบอรี่ (Mulberry Extract) ใช้ผสมในเครื่องสำอาง สบู่ ครีมบำรุงผิว