ปิดเมนู
หน้าแรก

วิธีรักษาฝ้าให้หายขาด แก้ไขและป้องกันให้ตรงจุด!

เปิดอ่าน 740 views

วิธีรักษาฝ้าให้หายขาด แก้ไขและป้องกันให้ตรงจุด!

นอกจากปัญหาสิวบนผิวหน้าที่สร้างความกังวลใจให้กับสาวๆ ที่รักสวยรักงามแล้ว ยังมีปัญหาฝ้าและกระ ที่กลายเป็นตัวการทำให้สาวๆ หมดความมั่นใจกันมานักต่อนัก เพราะเมื่อรอยด่างดำเหล่านี้ปรากฏขึ้นมา กลายเป็นตำหนิที่เริ่มจากบางๆ เมื่อทำการรักษาไม่ถูกวิธีหรือปล่อยทิ้งไว้ ก็จะทำให้สีของมันเข้มมากขึ้น การมองหาวิธีรักษาฝ้าให้หายขาด สิ่งสำคัญคือการรู้จักต้นตอที่ทำให้เกิดเสียก่อน จากนั้นก็ควรทำการรักษาให้ตรงจุด ด้วยวิธีการที่ปลอดภัย ซึ่งสาวๆ ที่กำลังเผชิญปัญหานี้ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ก็ควรมาทำความเข้าใจกับรอยด่างดำเหล่านี้กันให้มากขึ้น จะได้หาแนวทางแก้ไขได้อย่างตรงจุดมากที่สุดนั่นเองค่ะ

ลักษณะของฝ้าที่เกิดขึ้นบนผิวหน้า

ฝ้า (Melasma) เป็นลักษณะที่เกิดขึ้นบนผิว คือเม็ดสีเมลานินที่มาจากการถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยแวดล้อมต่างๆทั้งภายนอกและภายในร่างกาย มองเห็นได้ทั้งแบบจางๆ และสีเข้มชัดเจน มักเป็นสีน้ำตาลอมแดง ขนาดต่างกันออกไป จะขึ้นอยู่บนผิวเป็นหย่อมๆ หรือกระจายตัวไปเรื่อยๆ จนมีขนาดใหญ่ บริเวณที่พบฝ้าได้มากที่สุดคือ สันจมูก, โหนกแก้ม และหน้าผาก สาวๆ ที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป มีโอกาสเสี่ยงทำให้เกิดฝ้าที่ผิวหนังได้ง่ายกว่าในวัยเด็ก โดยเฉพาะคนที่ต้องเผชิญกับแดดแรงๆ อยู่เป็นประจำ และเป็นเวลานานซ้ำๆ กัน จะทำให้เม็ดสีถูกกระตุ้นขึ้นมา หากปล่อยทิ้งเอาไว้นานจะทำการดูแลรักษาได้ยาก การที่ผิวหน้าจะกลับมาเนียนใสเหมือนเดิม ก็เป็นเรื่องที่สาวๆ อาจจะต้องทำใจอีกด้วย หากฝ้าฝังลึกถึงเซลล์ผิวชั้นใน วิธีรักษาฝ้าให้หายขาดนั้นอาจจะทำได้แค่เพียงช่วยให้เม็ดสีจางลงเท่านั้น

ฝ้าต่างจากกระอย่างไร ?

เชื่อว่าส่วนมากต้องคิดว่าฝ้าและกระเป็นลักษณะผิดปกติของสีผิวที่เหมือนกัน ซึ่งจริงๆ แล้วเราแยกฝ้าออกจากกระด้วยสาเหตุที่ทำให้เกิด  กระที่เกิดขึ้นบนผิวหน้ามักจะมาจากความร้อน แสงแดด ทว่าฝ้าจะมีส่วนของฮอร์โมนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยมากพอสมควร นอกจากนี้ฝ้ายังสามารถส่งผ่านทางพันธุกรรมได้ด้วย ใครที่มีพ่อแม่ ญาติพี่น้องเป็นฝ้า โอกาสเสี่ยงที่จะทำให้ผิวเกิดฝ้าได้ง่ายกว่าคนทั่วไป เมื่อรักษาหายแล้วยังมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้สูงด้วย ไม่ใช่เพียงแสงแดดเท่านั้นที่ทำให้เกิดฝ้า แต่ยังรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนอย่างรวดเร็ว พบได้ในหญิงตั้งครรภ์และวัยทอง แม้ผิวไม่สัมผัสแดด ก็พบรอยเม็ดสีขึ้นมาได้เช่นเดียวกัน

ชนิดของฝ้า

ฝ้าแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ซึ่งจัดแบ่งตามความลึกตื้น ได้แก่

1.ฝ้าที่เกิดในระดับตื้น

เป็นฝ้าที่เกิดขึ้นอยู่ในระดับเดียวกันกับชั้นหนังกำพร้าหรือผิวชั้นนอกนั่นเอง เป็นฝ้าที่พบได้บ่อยและเกิดได้ง่าย มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลเข้ม มองเห็นชัดเจน โดยเฉพาะส่วนขอบ แต่รักษาได้ง่ายและหายไว การรักษาไม่ยุ่งยากหากผู้ป่วยรู้จักดูแลตัวเองไปพร้อมๆ กับการทายารักษาแบบอ่อน ร่วมกับการใช้ครีมกันแดดป้องกันผิว หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับแสงแดด ฝ้าที่เกิดขึ้นก็จะค่อยๆ จางลงและลบเลือนไปในที่สุด

2.ฝ้าที่เกิดในระดับลึก

เป็นฝ้าที่รักษาได้ยาก และมีความซับซ้อน อาการผิดปกติของเม็ดสีจะอยู่ลึกลงไปมากกว่าชั้นหนังกำพร้า ในส่วนของหนังแท้ สังเกตได้ว่าจะเป็นสีม่วงอมน้ำเงิน มองเห็นขอบได้ไม่ชัดเจน ส่วนมากการรักษาจะช่วยให้ฝ้าลดเลือนลงไปได้ แต่ไม่ถึงกับทำให้หายขาด สามารถใช้ยาทาฝ้าร่วมกับครีมกันแดดได้ เพียงแค่ทำให้ฝ้าไม่เข้มขึ้นไปกว่านี้ หรือจางลงกว่าเดิมเท่านั้น ร่องรอยด่างดำก็ยังคงอยู่เช่นเดิม **ฝ้าทั้งสองชนิดที่พบบนผิวหน้า อาจจะเกิดขึ้นเพียงชนิดใดชนิดหนึ่งเท่านั้น แต่บางคนก็สามารถเกิดฝ้าทั้งสองชนิดพร้อมๆ กันได้**

ต้นตอที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดฝ้า

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดฝ้า มีตัวกระตุ้นหลายอย่างเข้ามาพร้อมๆ กัน จนไปทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีในชั้นผิวหนังถูกทำลาย เกิดความผิดปกติในการสร้างเซลล์เม็ดสีมากขึ้น ทำให้มองเห็นเป็นจุดด่างดำขึ้นมา โดยปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้เกิดฝ้า คือ

1.การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย

เนื่องจากฝ้ามีตัวกระตุ้นเป็นฮอร์โมนจากร่างกายเพิ่มเข้ามาด้วย ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่แม้คนไม่ค่อยโดนแสงแดดก็เกิดเป็นฝ้าขึ้นบนผิวหน้าได้ ฮอร์โมนจะเข้าไปส่งผลให้เม็ดสีทำงานผิดปกติ เช่น เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน, การตั้งครรภ์, การได้รับยาฮอร์โมนจากภายนอก, การรับประทานยาคุมกำเนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน และเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของฮอร์โมน เป็นต้น

2.การที่ผิวสัมผัสกับแสงแดด

ปัจจัยจากแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์สร้างเม็ดสีได้เป็นอย่างมาก เนื่องจากในแสงแดดมีรังสีอุลตราไวโอเลต และแสงชนิด visible light ที่ยิ่งเป็นตัวการทำให้เกิดฝ้าได้มากขึ้น โดยความเข้มข้นของรังสีจะมีมากในช่วง 10 โมงเช้าไปจนถึงบ่ายสามโมง หากจำเป็นต้องออกกลางแจ้ง ควรทาครีมกันแดด และสวมเสื้อผ้าที่มิดชิด

3.การใช้เครื่องสำอางเป็นประจำ

เนื่องจากเครื่องสำอางมีส่วนประกอบของสารเคมีอยู่เป็นจำนวนมาก สาวๆ ที่ต้องใช้เครื่องสำอางเป็นประจำ มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้ผิวหน้าเกิดอาการระคายเคือง อีกทั้งการล้างทำความสะอาดไม่หมด ผิวอาจจะเกิดอาการแพ้ และทำให้เป็นรอยด่างดำจากเม็ดสีที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นชนิดเดียวกันกับฝ้า โดยเฉพาะเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสี และน้ำหอม

4.การส่งผ่านทางพันธุกรรม

พันธุกรรมมีส่วนที่ทำให้การเกิดฝ้าได้ง่ายขึ้นกว่าในคนปกติถึงร้อยละ 50 เลยทีเดียว

5.การทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน

สาวๆ ออฟฟิศที่ทำงานอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันทั้งวัน มีโอกาสเป็นฝ้าได้ง่ายเช่นกัน เนื่องจากรังสีที่มองไม่เห็นแผ่ออกมา ทำให้เกิดอาการระคายเคืองที่ผิวแบบไม่รู้ตัว

วิธีรักษาฝ้าให้หายขาด

การแก้ไขฝ้าในปัจจุบันมีหลากหลาย แต่วิธีรักษาฝ้ากระให้หายขาดนั้นอาจจะต้องขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละคนว่ารุนแรงในระดับไหน เพราะฝ้าที่ลึกจะมีการรักษาที่ยุ่งยากซับซ้อน อาจไม่สามารถหายได้ถาวร มีโอกาสกลับมาเป็นใหม่ได้อีก คนที่มีปัญหาฝ้า หากไม่ได้สนใจเรื่องความสวยความงามของตัวเอง อาจจะทิ้งผิวหน้าเอาไว้แบบนั้นโดยไม่ทำการรักษา แต่สำหรับสาวๆ ที่กังวลกับปัญหานี้อย่างมาก ทางเลือกในการรักษามีตั้งแต่แบบธรรมชาติและแบบสมัยใหม่ที่นำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วยอีกทางหนึ่ง

วิธีดูแลรักษาฝ้าแบบธรรมชาติ

การรักษาฝ้าแบบธรรมชาติ ต้องบอกไว้ก่อนว่าจะเหมาะสำหรับสาวๆ ที่มีปัญหาฝ้าในระยะเริ่มต้นแล้วรีบทำการรักษา เพราะคุณสมบัติของสารธรรมชาติจะไม่เหมาะกับการรักษาฝ้าที่ฝังลึก มีสีเข้มจัด เราสามารถแบ่งการรักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติได้ดังนี้

1.สูตรว่านหางจระเข้

เป็นสูตรที่ได้รับความนิยมในการรักษาฝ้าตามแบบฉบับธรรมชาติมากที่สุด ด้วยการใช้ว่านหางที่เป็นใบแก่ขนาดใหญ่ ที่อยู่โคนล่างเพียง 1 ใบ มาล้างทำความสะอาด แล้วปอกเปลือกเอาวุ้นด้านในมาล้างให้ยางสีเหลืองออกไปให้หมด นำมาปั่นหรือบดให้ละเอียด พอกทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

2.สูตรมะขามเปียกผสมน้ำผึ้ง

นำเอาเนื้อมะขามเปียกมาบดผสมน้ำ แล้วกรองแค่ส่วนเนื้อออกมาให้มีลักษณะเป็นเนื้อครีม ผสมกับน้ำผึ้งเล็กน้อย ทาบางๆ ในจุดที่เป็นฝ้า ทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วล้างออก ซึ่งคุณสมบัติของมะขามเปียกจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า และน้ำผึ้งจะช่วยเพิ่มเกราะป้องกันผิวจากแสงแดดอีกทางหนึ่ง

3.สูตรหัวไชเท้า

เป็นสูตรกำจัดฝ้าที่ได้รับความนิยมอีกสูตรหนึ่ง แต่จะเหมาะกับสภาพผิวที่ระคายเคืองยาก ด้วยการเอาเนื้อหัวไชเท้าสดมาบดหรือปั่นให้ละเอียด จากนั้นนำเอามาพอกไว้ที่ตำแหน่งที่เกิดฝ้าประมาณ 10-30 นาที (หากรู้สึกแสบมากจนทนไม่ไหวให้รีบล้างออกก่อนเวลา) แล้วล้างทำความสะอาด

4.สูตรไข่ขาว

เลือกเอาแค่ส่วนของไข่ขาวมาตีให้เนื้อเนียนแตกตัวออกจากกัน แล้วทาบางๆ ไว้บริเวณที่เป็นฝ้า ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที หรือรอจนกระทั่งไข่ขาวแห้งตัว คุณสมบัติของไข่ขาวจะช่วยดูดซับเอาสิ่งสกปรกที่เกิดขึ้นบนผิวหน้าให้หลุดลอกออกไป และช่วยซับให้รอยฝ้าจางลง เหมาะสำหรับคนที่มีผิวหน้ายังเป็นฝ้าแค่ในระดับจางๆ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

5.สูตรใบบัวบก

นำใบบัวบกมาล้างทำความสะอาดประมาณ 1 กำ ปั่นผสมกับน้ำดื่มสะอาดเล็กน้อย แล้วคั้นเอาแต่น้ำสีเขียวข้นมาทาแทนโทนเนอร์ก่อนนอน จะช่วยลดรอยฝ้าและกระที่เกิดขึ้นให้ดูจางลงได้

วิธีดูแลรักษาฝ้าด้วยเทคโนโลยี

สำหรับการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดเลือนและกำจัดฝ้า จะเหมาะสำหรับวิธีรักษาฝ้าให้หายขาดในกลุ่มคนที่มีรอยฝ้าฝังลึกและเป็นมานาน การรักษาจะทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และบางเคสจำเป็นต้องใช้เงินในการรักษามาก ซึ่งมีทางเลือกให้สาวๆ ที่ได้รับความนิยมดังนี้

1.การยิงเลเซอร์

การยิงเลเซอร์แบบธรรมดา จะเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในอดีต ซึ่งในปัจจุบันไม่ได้รับความนิยมแล้ว เพราะมีผลข้างเคียงตามมามาก แม้ว่าจะยังมีการนำเอาวิธีดังกล่าวมาใช้อยู่ ก็จัดอยู่ในกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น เนื่องจากเลเซอร์ที่นำมาใช้เป็นชนิดที่ทำลายผิว เหมือนกับการขูดลอกผิว ทำให้เกิดเป็นแผลเป็นตามมา มีข้อดีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่นำมาใช้คือความแม่นยำสูง ช่วยให้เข้าไปแก้ไขปัญหาฝ้าได้อย่างตรงจุด แต่ไม่คุ้มเสี่ยงกับรอยแผลเป็นและความผิดพลาดที่จะตามมา **การยิงเลเซอร์ในปัจจุบันถูกปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น ด้วยการใช้วิธีรักษาแบบทำลายเม็ดสีแค่บางส่วนเท่านั้น โดยใช้เลเซอร์ชนิดเดิม แต่เปลี่ยนกระบวนการยิงเข้าสู่ผิว โดยเน้นให้ไปตกกระทบที่เม็ดสีผิวจนเกิดการแตกตัวออกมาเอง ฝ้าก็จะค่อยๆ จางลงไปในแต่ละครั้งที่ทำ ทว่ายังเป็นการรักษาที่ช่วยแค่ให้ฝ้าจางลงเท่านั้น คนที่มีฝ้าแพร่กระจายมากและอยู่ลึก วิธีนี้จะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ และจะต้องใช้ระยะเวลานานมากในการรักษาด้วย

 

2.การใช้ยาทาฝ้า

ที่ได้รับความนิยมในการรักษามากที่สุดในปัจจุบัน ได้แก่

1.ไฮโดรควิโนน

ซึ่งจะมีคุณสมบัติช่วยขัดขวางเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ผลิดเม็ดสีให้น้อยลง ซึ่งมีอยู่ทั้งในแบบสาระลายผสมแอลกอฮอล์และแบบเนื้อครีม แต่การใช้ยาชนิดนี้จะต้องสั่งโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากมีระดับความเข้มข้นที่จำกัดแตกต่างกันสำหรับผิวของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปจะให้ใช้อยู่ในสัดส่วนความเข้มข้นไม่เกินร้อยละ 2

2.เทรทิโนอิน

นี่คือยาที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอเป็นหลัก ได้ผลสำหรับคนที่เป็นฝ้าไม่มากนัก แต่เมื่อเทียบกับยาไฮโดรควิโนนแล้วจะให้ผลด้อยกว่า ในตัวยาบางชนิดจะมีการผสมกรดวิตามินเอ ไฮโดรควิโนน และสเตียรอยด์เข้าด้วยกัน ซึ่งจะให้ผลดีกว่าแค่การใช้กรดวิตามินเอเพียงอย่างเดียว

3.กรดอาซิเลอิก

ส่วนมากไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าใดนัก จะอยู่ในรูปแบบของครีม มีการออกฤทธิ์ใกล้เคียงกับไฮโดรควินินในความเข้มข้นร้อยละ 4 เสี่ยงที่จะทำให้ผิวระคายเคืองได้ง่าย

4.สารสเตียรอยด์

การรักษาฝ้าด้วยสารสเตียรอยด์เพียงอย่างเดียว ช่วยให้ฝ้าจางลงได้ แต่ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เสี่ยงทำให้เกิดผลข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็นสิว เส้นเลือดฝอยขยายตัว หรือผิวแพ้ง่าย มีชั้นผิวที่บางมากขึ้น ฯลฯ

วิธีป้องกันไม่ให้ผิวเกิดฝ้า

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดและความร้อน หากจำเป็นควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 45 ขึ้นไป ซึ่งจะช่วยป้องกันผิวได้ราว 8 ชั่วโมง อย่าลืมสวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดให้ได้มากที่สุด
  2. หากจำเป็นต้องใช้เครื่องสำอางทุกวัน ควรเลือกใช้ชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม เลือกใช้เครื่องสำอางที่มีความอ่อนโยนและดูแลผิวไปในตัว
  3. ล้างทำความสะอาดและบำรุงผิวหน้าทุกครั้งก่อนนอน ด้วยการใช้คลีนซิ่งเช็ดผิวหน้าเพื่อกำจัดเอาสิ่งสกปรกภายในรูขุมขนออกไป และทาครีมบำรุงทุกครั้ง เพื่อช่วยให้ผิวหน้าได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ในช่วงเวลานอนหลับ
  4. พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักและผลไม้ หมั่นสังเกตผิวหน้าของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ หากพบรอยจุดด่างเกิดขึ้น ให้รีบทำการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ

อย่างไรก็ตามวิธีรักษาฝ้าให้หายขาด อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ การรักษาให้ผิวหน้ากลับมาเนียนใสเป็นธรรมชาติเหมือนเดิม โดยปราศจากรอยด่างดำ จะต้องดูสภาพผิวหน้าของแต่ละคนด้วยว่า ระดับฝ้าที่เกิดขึ้นลึกหรือตื้น แล้วมีพฤติกรรมในการดูแลตัวเองได้เหมาะสมหรือไม่ เพราะบางคนหายแล้ว ก็กลับมาเป็นอีกได้หากป้องกันตัวเองอย่างไม่ถูกวิธีนั่นเองค่ะ

 

cr. mahosot

ภาพ: internet

 

สอนทำเครื่องสำอาง หลักสูตรระยะสั้น เพื่อสร้างแบรนด์ของคุณเอง

ศูนย์อบรมเครื่องสำอาง 

Cosmetics Training Center (CTC)

*****เนื้อหาและสิ่งที่จะได้รับ*****

  1. เอกสารประกอบการเรียน พื้นฐานผิวหนัง ความหมายของเครื่องสำอาง
  2. วิธีปฎิบัติ หน้าที่สารสำคัญต่างๆ ในการขึ้นสูตรตำรับ
  3. แนะนำบริษัทที่ขายวัตถุดิบที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ มาจำหน่ายในประเทศไทย
  4. สอนวิธีการคำนวณต้นทุนครีมเมือเทียบเป็นกิโลกรัม สามารถลดต้นทุนได้มากกว่า 10 เท่า
  5. แนะนำวิธีการเลือกสารสกัด สารออกฤทธิ์ต่างๆมาใส่ในสูตรให้เหมาะสม ออกฤทธิ์ได้ดีเห็นผล
  6. สอนการใช้อุปกรณ์ที่จำเป็นพื้นฐานในห้องแลบ
  7. สอนวิธีการตรวจสอบคุณภาพครีม การดู สี กลิ่น การซึมเข้าสู่ผิว การเกลี่ย เนื้อสัมผัส การวัดความเป็นกรดด่างของครีมและสภาวะที่เหมาะสม
  8. สอนวิธีการทดสอบคุณภาพ Stability Test เช่น Centifugation, Heating –Cooling Cycle, Viscosity Testing
  9. แนะนำโรงงานที่จัดจำหน่าย กระปุก หลอดครีม ภาชนะบรรจุต่างๆ
  10. แนะนำโรงงานทำฉลาก สติ้กเกอร์ ทำกล่อง สกรีนบรรจุภัณฑ์ต่างๆ
  11. แนะนำระบบ GMP โรงงาน
  12. แนะนำเรื่องการตลาด การสร้างแบรนด์
  13. แนะนำการจดทะเบียนโรงงาน การจดทะเบียนผู้ประกอบการ การจดแจ้ง อ.ย
  14. แนะนำช่องทางการจัดจำหน่าย ออนไลน์ ออฟไลน์
  15. สอนจนเข้าใจ สามารถกลับไปทำเองได้แน่นอนเรียนจบได้ภายใน 1 วัน
  16. ราคารวมอาหารกลางวันและอาหารว่างแล้ว
  17. มีใบประกาศนียบัตรมอบให้
  18. กรณีสามารถเรียนซ้ำได้ โดยจ่ายแค่ 50% ของราคาหลักสูตร
  19. ทางสถาบันมีอุปกรณ์ให้ท่านไม่ต้องเตรียมมา

สำหรับผู้ที่อยากรู้ลึกและครบทุกเนื้อครีม

  1. ให้สูตรที่ใช้วัตถุดิบตั้งต้นสำหรับการผลิตขายในเชิงอุตสาหกรรม
  2. ใช้ Homogenizer และเครื่องมือมาตรฐานแล๊บที่นักพัฒนาผลิตภัณฑ์ใช้งานจริง 
  3. ผู้เรียนได้ลงมือทำการผลิตเองทุกขั้นตอน 
  4. แนะนำแหล่งซื้อวัตถุดิบ และอุปกรณ์เครื่องมือ

หลักสูตรเหมาะสำหรับ ☑️เจ้าของแบรนด์ ☑️ผู้ผลิต ☑️ผู้สนใจเริ่มธุรกิจ

  1. ประสบการณ์สอนแบบไพรเวทนาน 10 ปี 
  2. หลักสูตรโดยนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางปริญญาโทมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง 
  3. เราเป็นมืออาชีพด้านการผลิตเครื่องสำอางทุกประเภท
  4. ห้องแล๊บใหม่ 

ศูนย์อบรมเครื่องสำอาง

(Cosmetic Training Center, CTC)

Managing Director

Tel: 083-007-8589, Line ID: careandliving

สถานที่อบรม : ศูนย์อบรมเครื่องสำอาง โกดัง 4 CTC 8/332 หมู่ 3 ถ. ติวานนต์ ปากเกร็ด 48  ต.บ้านใหม่ อ.เมือง   จ.นนทบุรี 11120

สี่แยกไฟแดงสวนสำเด็จ, ใกล้โรบินสันศรีสมาน ,ใกล้สนามบินดอนเมือง  ,ลงทางด่วนศรีสมาน-ดอนเมือง

มีฝ่าย R&D 
พัฒนาสูตร และผู้เชี่ยวชาญดูแล อย่างใกล้ชิด

#ครีมเกรดพรีเมี่ยม  #ไม่มีกั๊กสูตร #สอนปรับสูตร #สอนออกแบบสูตรเอง #เครื่องมือมาตรฐานแล๊บ #อาจารย์ตอบทุกคำถาม #สอนทำครีม #สอนทำมาส์ก #สอนทำครีมกันแดด #สอนทำเครื่องสำอาง #สอนทำสบู่ #สอนทำแชมพู #สอนจดอย #สอนการตลาด #สร้างแบรนด์

#รับพัฒนาสูตรครีม #รับแกะสูตรครีมเคาน์เตอร์แบรนด์ #ขายสูตรครีมเคาน์เตอร์แบรนด์ #ขายสูตรครีมเกรดพรีเมี่ยม #ขายสูตรครีมเกาหลี #รับแกะสูตรสบู่ #ขายสูตรสบู่

#รับแกะสูตรครีม ดอนเมือง #รับแกะสูตรครีม ราคา #แกะสูตรครีมpantip #รับแกะสูตรครีม ระยอง #รับแกะสูตรเครื่องสําอาง #รับแกะสูตรยา #รับแกะสูตรสบู่

เปิดอบรม “สอนทำเครื่องสำอาง สอนทำครีม” สอนวันเดียวทำได้เลย โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องสำอาง

สอนจากประสบการณ์จริง เรียนได้แม้ไม่มีพื้นฐาน

1. หลักสูตรยอดนิยม

ดังนี้

1. ครีมมาร์คหน้าขาวใสข้ามคืน (Overnight Whitening Mask Cream)  4,500 บาท

2. ครีมบำรุงผิวหน้าขาวใส ลดฝ้ากระ  (Day and Night Whitening Cream)  4,500 บาท

3. เซรั่มลดเลือนริ้วรอยสูตรเข้มข้น (Anti Wrinkle Concentrated Serum)  4,500 บาท

4. ครีมกันแดดผสมรองพื้น  SPF 50/PA+++  (Sunscreen With Foundation SPF50/PA+++)  3,500 บาท

5. เจลล้างหน้าเพื่อผิวกระจ่างใส (Whitening Cleansing Clear Gel )** 3,000 บาท

*****สามารถแยกเรียนเป็นหลักสูตรได้*****

โปรโมชั่นหลักสูตร 1-4 ราคารวม  16,000 บาท ลดเหลือ 12,000 บาท

แถมหลักสูตรที่ 5 มูลค่าอีก 3,000 บาทฟรี

สมัครเรียน 2 ท่าน ลดเพิ่มอีก 5% ทันที

*****เปิดสอนทุกสัปดาห์ *****

ศูนย์อบรมเครื่องสำอาง

(Cosmetic Training Center, CTC)

Managing Director

Tel: 083-007-8589, Line ID: careandliving

สถานที่อบรม : ศูนย์อบรมเครื่องสำอาง โกดัง 4 CTC 8/332 หมู่ 3 ถ. ติวานนต์ ปากเกร็ด 48  ต.บ้านใหม่ อ.เมือง   จ.นนทบุรี 11120

สี่แยกไฟแดงสวนสำเด็จ, ใกล้โรบินสันศรีสมาน ,ใกล้สนามบินดอนเมือง  ,ลงทางด่วนศรีสมาน-ดอนเมือง

มีฝ่าย R&D 
พัฒนาสูตร และผู้เชี่ยวชาญดูแล อย่างใกล้ชิด

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : วิธีรักษาฝ้าให้หายขาด แก้ไขและป้องกันให้ตรงจุด!