ปิดเมนู
หน้าแรก

วิธีการใช้ครีมรักษาฝ้าอย่างไรให้เห็นผล ฝ้าจางได้ไวขึ้น!

เปิดอ่าน 1,038 views

วิธีการใช้ครีมรักษาฝ้าอย่างไรให้เห็นผล ฝ้าจางได้ไวขึ้น!

หลายท่านเคยสงสัยใช่ไหมล่ะคะ ว่าทำไมใช้ครีมรักษาฝ้าตัวไหนๆ ก็ไม่เห็นผลแบบคนอื่นเค้าสักที?  วันนี้เราจึงของนำเสนอวิธีใช้ครีมรักษาฝ้าอย่างไรให้ได้ผลและปลอดภัยต่อผิวหน้าที่คุณรักมากที่สุด ด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้..

“ก่อนที่เราจะมาเริ่มรักษาฝ้าอย่างถูกวิธีและได้ผล เราควรเริ่มรู้จักสาเหตุของการเกิดฝ้าที่เราเป็นให้ดีเสียก่อนนะคะ..”

“ฝ้า” เกิดจากเมลานินที่ทำงานมากเกินไปจนก่อตัวเป็นกระจุกบนผิวหน้า ทำให้เห็นเป็นสีน้ำตาลเข็ม ปื้นๆ สามารถเห็นได้ชัดตามบริเวณโหนกแก้ม ส่วนใหญ่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป โดยฝ้าพบได้ในเพศหญิงถึง 70% ด้วยกัน โดยสาเหตุหลักๆที่ทำให้เกิดฝ้าได้แก่ แสงแดด, ความเครียด, ฮอร์โมน, ยาคุม, ขาดสารอาหารบางชนิด และสารเคมีจากเครื่องสำอาง

เลือกใช้ผลิตภัณฑ์รักษาฝ้าแบบไหนจึงจะปลอดภัยเห็นผล!

     

ควรเลือกผลิตภัณฑ์เวชสำอางรักษาฝ้าที่มีสารสกัดธรรมชาติที่ช่วยยับยั้งเมลานิน และต่อต้านอนุมูลอิสระอย่าง “หัวไชเท้า” ที่ขึ้นชื่อด้านประสิทธิภาพการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ เพราะในหัวไชเท้ามีสารบำรุงผิว เช่น Vitamin C สังกะสี Vitamin B3 และฟอสฟอรัส ที่มีประโยชน์ทั้งด้านการรักษาฝ้าอย่างเห็นผลจริง และไม่ทำร้ายผิวหน้าให้แสบแดงเหมือนการใช้หัวไชเท้าสดพอกหน้าอีกด้วย 

วิธีรักษาฝ้าอย่างถูกต้องเพื่อลดเลื่อนรอยฝ้ากระให้จางลงอย่างเห็นผล

 

วิธีรักษาฝ้าที่ 1 : ทำความสะอาดใบหน้าตามแนวโพรงขน เช้า-เย็น

     

โดยเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าที่อ่อนโยนต่อผิวหน้าของคุณ และเมื่อเวลาทำความสะอาดใบหน้าก็ควรทำความสะอาดตามแนวโพรงขนเพื่อเป็นการชำระล้างสารเคมีจากเครื่องสำอาง รวมถึงฝุ่นควันสกปรกที่เกาะบนผิวหน้าได้เป็นอย่างดี วิธีนี้จะช่วยให้ผิวหน้าสะอาดฝ้าจางลงได้ดีอีกด้วย

 

วิธีรักษาฝ้าที่ 2 : ใช้เวชสำอางรักษาฝ้าบำรุงผิวหน้า เช้า-เย็น

    

หลังจากทำความสะอาดใบหน้าเสร็จแล้ว ควรบำรุงผิวหน้าด้วยเซรั่ม HRN และนวดเนื้อครีมที่รอยฝ้าเบาๆ จากนั้นทาครีมให้ทั่วใบหน้า พร้อมตบเบาๆเพื่อกระตุ้นเซลล์ผิวเพื่อทำให้เนื้อครีมมีประสิทธิภาพในการทำงานลดรอยฝ้าได้ดียิ่งขึ้น

 

วิธีรักษาฝ้าที่ 3 : ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน

    

ครีมกันแดดที่มี SPF50 Pa+++ จะช่วยปกป้องผิวหน้าของคุณจากรังสี UVA/UVB เพื่อไม่ให้รังสีเหล่านี้ทำร้ายผิวหน้าโดยตรง จึงสามารช่วยยับยั้งการเกิดรอยฝ้า และป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าเพิ่มมากขึ้น และอย่าลืมที่จะต้องใช้ครีมกันแดดทุกวัน ไม่ว่าจะฝนตกหรือแดดออก เพราะรังสียูวีสามารถทำร้ายผิวของคุณได้แม้วันที่ไม่มีแดด

 

วิธีรักษาฝ้าที่ 4 : ดื่มน้ำสะอาดในอุณหภูมิปกติวันละ 2-3 ลิตร

    

การดื่มน้ำสะอาด มีส่วนช่วยในการขับถ่ายสารพิษภายในร่างกาย ทั้งทางรูปแบบเหงื่อ, ปัสสาวะ หรืออุจจาระ ทำให้ระบบภายในร่างกายดีขึ้น ส่งผลถึงผิวพรรณ โดยการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่เซลล์ผิว ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง ชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย และช่วยลดเลือนรอยฝ้าได้อย่างดี

 

วิธีรักษาฝ้าที่ 5 : ทานอาหารเสริมเพื่อช่วยให้ผิวใส

   

เลือกทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี ที่เป็นตัวช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันและรักษาฝ้าเพื่อไม่ให้ฝ้าขยายตัวใหญ่ขึ้น หรือเลือกทานอาหารที่มีรสอ่อน เน้นผัก-ผลไม้ ก็จะช่วยให้ฝ้าจางลงได้ดียิ่งขึ้น

 

วิธีรักษาฝ้าที่ 6 : ทำจิตใจให้แจ่มใสอย่าเครียด และออกกำลังกายเป็นประจำ

   

ความเครียดทำให้เกิดฝ้า เพราะฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยน ทำให้เมลานินก่อตัวขึ้นจนเกิดฝ้าเป็นกระจุกที่ผิวหน้า ทางที่ดีต้องละทิ้งความเครียดด้วยการทำสมาธิ หรือออกกำลังกายให้ได้วันละ 30 นาที ก็จะช่วยให้ร่างกายและเซลล์ผิวแข็งแรงขึ้น มีตัวช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ รอยฝ้าที่มีก็จะค่อยๆจางลงได้ดี

💢ผลลัพธ์ที่ใครก็เทใจให้ กับ ความพรีเมี่ยม จาก”สารสกัดระดับโลก” งานวิจัยขั้นสุด
คุณสมบัติ เจเอ็มซีเซรั่ม JMC Serum
✅ ใส ตึงกระชับ
✅ ลดเลือนฝ้ากระ
✅ ริ้วรอยตื้นขึ้น
✅ รูขุมขน กระชับ
✅ รอยสิว จางลง
✅ ผิวสมดุล อิ่มน้ำ
✅ ผิวแลดู อ่อนเยาว์สุขภาพดี
=======================
วิธีใช้
ทาเซรั่ม หลังล้างหน้า ทุกเช้า-เย็น
*** สามารถ ตามด้วยครีมอื่นได้
🏆เหมาะกับทุกสภาพผิว และ ผิวบอบบางแพ้ง่าย
ซึมง่าย ไม่มัน ไม่อุดตันผิว
❌No พาราเบน ❌No แอลกอฮอล์ ❌No เคมีรุนแรงผิว

เรียนทำเซรั่มบำรุงผิว เรียนทำเซรั่มลดเลือนริ้วรอย เรียนทำเซรั่มลดเลือนฝ้ากระและจุดด่างดำ

ครีม (Cream )กับ เซรั่ม (Serum) ต่างกันอย่างไร

ทุก ๆ คน คงมีความสงสัยว่าระหว่างครีมและเซรั่ม ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วเราควรเลือกใช้ประเภทไหนถึงจะเหมาะกับผิวเรา วันนี้ จะมาไขข้อข้องใจที่ว่า Cream กับ Serum ต่างกันอย่างไร? และควรใช้อะไรก่อนหลัง

Cream ครีม

คือ การผสมน้ำมันให้เข้ากับน้ำ โดยจะมีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว จะสังเกตได้ว่าเวลาทาครีมและจะรู้สึกเหนียว และจะดูดซึมเข้าสู่ผิวช้า เนื่องจาก ครีมมีคุณสมบัติในเรื่องการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว แต่ไม่สามารถซึมเข้าสู่ผิวชั่นในได้ ดังนั้น ครีมจะเห็นผลช้ากว่าเซรั่ม ซึ่งจะเหมาะกับคนที่ผิวปกติและแห้ง ไม่ค่อยเหมาะกับคนผิวมัน

 

Serum เซรั่ม

มีลักษณะของโมเลกุลขนาดเล็ก อุดมไปด้วยสารอาหารที่เข้มข้นกว่าครีม และมีความบางเบามากกว่าครีม จึงสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ล้ำลึกและรวดเร็ว ซึมได้ถึงระดับโครงสร้างผิวเลยทีเดียว รวมทั้งยังมี Active Ingredients สูงกว่าครีม ดังนั้นจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของผิวอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับการใช้ครีม

คุณสมบัติของเซรั่มกับครีมที่ต่างกัน !!!

  • เซรั่มสามารถบำรุงเข้มข้นกว่าครีม จึงทำให้เห็นผลลัพธ์ที่เร็วกว่าครีม
  • เซรั่มมีเนื้อบางเบาซึมได้เร็วกว่า เมื่อเทียบกับครีมที่จะรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ
  • เซรั่มซึมลึกเข้าสู่ผิวชั้นในเพื่อแก้ไขปัญญาผิวจากด้านใน ในขณะที่ครีมให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวแต่ได้แค่ผิวชั้นนอก
  • เซรั่มไม่สามารถให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้เท่ากับครีม

เมื่อรู้แบบนี้แล้ว การใช้ครีมโดยที่ไม่มีลำดับก่อนหลัง มันจะลดประสิทธิภาพของการบำรุงผิวเรา เช่น จากที่ครีมบำรุงตัวหนึ่งที่ให้ผล 100% แต่คุณใช้ผิดขั้นตอน มันอาจจะทำงานได้แค่ 50% เพราะอีกตัวอาจไปขัดขวางการดูดซึม Active Ingredient ของครีมอีกตัวหนึ่งนั่นเอง เหตุผลง่ายๆที่ทำให้เราต้องมีลำดับของการใช้ครีมบำรุงผิว

*****เนื้อหาและสิ่งที่จะได้รับ*****

  1. เอกสารประกอบการเรียน พื้นฐานผิวหนัง ความหมายของเครื่องสำอาง
  2. วิธีปฎิบัติ หน้าที่สารสำคัญต่างๆ ในการขึ้นสูตรตำรับ
  3. แนะนำบริษัทที่ขายวัตถุดิบที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ มาจำหน่ายในประเทศไทย
  4. สอนวิธีการคำนวณต้นทุนครีมเมือเทียบเป็นกิโลกรัม สามารถลดต้นทุนได้มากกว่า 10 เท่า
  5. แนะนำวิธีการเลือกสารสกัด สารออกฤทธิ์ต่างๆมาใส่ในสูตรให้เหมาะสม ออกฤทธิ์ได้ดีเห็นผล
  6. สอนการใช้อุปกรณ์ที่จำเป็นพื้นฐานในห้องแลบ
  7. สอนวิธีการตรวจสอบคุณภาพครีม การดู สี กลิ่น การซึมเข้าสู่ผิว การเกลี่ย เนื้อสัมผัส การวัดความเป็นกรดด่างของครีมและสภาวะที่เหมาะสม
  8. สอนวิธีการทดสอบคุณภาพ Stability Test เช่น Centifugation, Heating –Cooling Cycle, Viscosity Testing
  9. แนะนำโรงงานที่จัดจำหน่าย กระปุก หลอดครีม ภาชนะบรรจุต่างๆ
  10. แนะนำโรงงานทำฉลาก สติ้กเกอร์ ทำกล่อง สกรีนบรรจุภัณฑ์ต่างๆ
  11. แนะนำระบบ GMP โรงงาน
  12. แนะนำเรื่องการตลาด การสร้างแบรนด์
  13. แนะนำการจดทะเบียนโรงงาน การจดทะเบียนผู้ประกอบการ การจดแจ้ง อ.ย
  14. แนะนำช่องทางการจัดจำหน่าย ออนไลน์ ออฟไลน์
  15. สอนจนเข้าใจ สามารถกลับไปทำเองได้แน่นอนเรียนจบได้ภายใน 1 วัน
  16. ราคารวมอาหารกลางวันและอาหารว่างแล้ว
  17. มีใบประกาศนียบัตรมอบให้
  18. กรณีสามารถเรียนซ้ำได้ โดยจ่ายแค่ 50% ของราคาหลักสูตร
  19. ทางสถาบันมีอุปกรณ์ให้ท่านไม่ต้องเตรียมมา

 มีคำถามมากมาย ที่ลูกค้าสงสัย เรามีคำตอบ มาชมเนื้อครีมที่สอน #สวยจริงมั้ย 
หลักสูตรสกินแคร์ คอร์สที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะให้สูตรพรีเมี่ยม เนื้อครีมสวย ฟิลลิ่งดี และจัดเต็มถึง 100 สูตร++ #ได้ครีเอทสูตรเอง เรียนผลิตสกินแคร์ กันแดด ⭐️Essence ⭐️Serum ⭐️Cream ⭐️Gel  ⭐️Lotion ⭐️Toner 
 
👩🔬‍ สำหรับผู้ที่อยากรู้ลึกและครบทุกเนื้อครีม👨🔬

  1. ให้สูตรที่ใช้วัตถุดิบตั้งต้นสำหรับการผลิตขายในเชิงอุตสาหกรรม
  2. ใช้ Homogenizer และเครื่องมือมาตรฐานแล๊บที่นักพัฒนาผลิตภัณฑ์ใช้งานจริง 
  3. ผู้เรียนได้ลงมือทำการผลิตเองทุกขั้นตอน 
  4. แนะนำแหล่งซื้อวัตถุดิบ และอุปกรณ์เครื่องมือ

หลักสูตรเหมาะสำหรับ ☑️เจ้าของแบรนด์ ☑️ผู้ผลิต ☑️ผู้สนใจเริ่มธุรกิจ

  1. ประสบการณ์สอนแบบไพรเวทนาน 10 ปี 
  2. หลักสูตรโดยนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางปริญญาโท
  3. เราเป็นมืออาชีพด้านการผลิตเครื่องสำอางทุกประเภท
  4. ห้องแล๊บใหม่ 

#ครีมเกรดพรีเมี่ยม  #ไม่มีกั๊กสูตร #สอนปรับสูตร #สอนออกแบบสูตรเอง #เครื่องมือมาตรฐานแล๊บ #อาจารย์ตอบทุกคำถาม #สอนทำครีม #สอนทำมาส์ก #สอนทำครีมกันแดด #สอนทำเครื่องสำอาง #สอนทำสบู่ #สอนทำแชมพู #สอนจดอย #สอนการตลาด #สร้างแบรนด์

เปิดอบรม “สอนทำเครื่องสำอาง สอนทำครีม” สอนวันเดียวทำได้เลย โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องสำอาง

สอนจากประสบการณ์จริง เรียนได้แม้ไม่มีพื้นฐาน

1. หลักสูตรยอดนิยม

ดังนี้

1. ครีมมาร์คหน้าขาวใสข้ามคืน (Overnight Whitening Mask Cream)  4,500 บาท

2. ครีมบำรุงผิวหน้าขาวใส ลดฝ้ากระ  (Day and Night Whitening Cream)  4,500 บาท

3. เซรั่มลดเลือนริ้วรอยสูตรเข้มข้น (Anti Wrinkle Concentrated Serum)  4,500 บาท

4. ครีมกันแดดผสมรองพื้น  SPF 50/PA+++  (Sunscreen With Foundation SPF50/PA+++)  4,500 บาท

5. เจลล้างหน้าเพื่อผิวกระจ่างใส (Whitening Cleansing Clear Gel )** 3,000 บาท

*****สามารถแยกเรียนเป็นหลักสูตรได้*****

โปรโมชั่นหลักสูตร 1-4 ราคารวม  18,000 บาท ลดเหลือ 16,000 บาท

แถมหลักสูตรที่ 5 มูลค่าอีก 3,000 บาทฟรี

สมัครเรียน 2 ท่าน ลดเพิ่มอีก 5% ทันที

*****เปิดสอนทุกสัปดาห์ *****

สุดยอดครีมรักษาฝ้า หน้าขาวใส

JMC Supreme Anti-Melasma Cream

ปัญหา ฝ้า กระ จุดด่างดำ เป็นปัญหาผิวหน้าที่แค่นึกถึงก็เพลียใจสุด ๆ ค่ะ เพราะฝ้าขึ้นแล้วขึ้นเลย หายยากมากเทอร์ แถมเป็นปัญหาที่หมุ่นๆ สาวๆ หลายคนพบเจอซะด้วยสิ ฝ้ามีสาเหตุเกิดมาจากอะไรนะ? 

“ฝ้า กระ จุดด่างดำ”

เกิดจากเม็ดสีเมลานินใต้ผิวหนังทำงานผิดปกติ ซึ่งสาเหตุมาจากการที่ผิวเราโดนรังสี UV จากแสงแดดเป็นเวลานานค่ะ ทำให้ผิวต้องผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้นเพื่อกรองรังสี UV นั่นเอง จึงทำให้สีผิวเกิดเป็นสีดำอมน้ำตาล ขึ้นเป็นแถบหรือเป็นปื้น ๆ บนหน้า ที่เราเรียกกันว่าฝ้านั่นเองค่า
การรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำนั้นต้องใช้ระยะเวลาค่ะ ถามว่ามีวิธีจัดการฝ้าไหม ก็มีนะ โดยเพื่อน ๆ ต้องเลือกใช้ครีมทาฝ้าที่มีส่วนผสมที่ตอบโจทย์เรื่องลดจุดด่างดำ ลดเลือนฝ้าโดยเฉพาะ พร้อมช่วยฟื้นบำรุงผิวไปในตัวด้วย ผิวหน้าจะได้กลับมามีผิวขาวใสแบบสุขภาพดีนั่นเองค่ะ

– ฺBrightenyl นวัตกรรมสารสกัดไวท์เทนนิ่ง

คณุสมบัติของ Brightenyl

  1. เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่แรงกว่าวิตมินซี 4 เท่า
  2. ปกป้อง DNA ของผิวจากการทำลายของ UVA และ UVB
  3. ป้องกันการอักเสบของผิวโดยลดการหลังสารถึงสองชนิด คือ NF-kB และ PGE-2
  4. ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินได้ดีกว่า Kojic acid 60 เท่า
  5. ป้องกันการส่งผ่านเม็ดสีที่สร้างแล้วไปสู่ผิวด้านบน
  6. ยับยั้ง Enzyme Tyrosinase
  7. ยับยั้งการหลังสาร MITF, the transcription factor involved in the genesis of melanin
    synthesis pathway

ผลการศึกษาประสิทธิภาพของ Britenyl ในอาสาสมคัร
อาสาสมัครและการวิจัย

  • ชาวเกาหลี 20 คน อาย ุ30-60 ปี
  • มีรอยจุดด่าดำ บนใบหน้า
  • ทา 2% Brightenyl ครีมวันละสองครั้งครึ่งหน้า อีกด้านทาครีมหลอก
  • ทั้งอาสาสมัครและผู้วิเคราะห์ผล ไม่มีใครทราบว่าครีมตัวใดมี Brigthenyl (double blind test)

ผลการทดลอง

  • UV Spot ลดลงภายใน 1 เดือน ในขณะทีด้านที่ใช้แต่ครีมเบส UV Spot เพิ่มขึ้น
  • UV Spot ลดลงถึง 18 เท่าภายใน 84 วัน
  • ปริมาณเม็ดสีเมลลานินลดลง 150 % เมื่อเทียบกับครีมเบส
  • รอยแดงลดลง 600%
  • ผิวกระจ่างใสขึ้น 16 เท่า
  • ผิวโดยรวมมีความสม่ำเสมอมากขึ้น 

ดังนั้นผลโดยรวม 7 ประการที่จะได้รับเมื่อใช้ Brightenyl

  1. ปกป้องผิวจากแสงแดด
  2. ปกป้องผิวจากอนมุลูอิสระได้อย่างดีเยี่ยม
  3. ลดรอยแดงของผิว
  4. เพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิว
  5. ลด Age spot
  6. ทำให้สีผิวมีความสม่ำเสมอมากขึ้น
  7. เห็นผลภายใน 28 วัน

– ์Natural Botanical Extract Complex สารสกัดธรรมชาติ 4 ชนิด ช่วยลดและสกัดกั้นทุกขั้นตอนของการสร้างเมลานิน รวมถึงขัดขวางขบวนการส่งผ่านเมลานินสู่ผิวชั้นบน อีกทั้งช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ขับของเสียและเมลานินออกจากเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน

– Vitamin B3 ร่วมกับ Moisture ธรรมชาติสูตรเฉพาะของ เจ เอ็ม ซี กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเซราไมด์ทำให้ผิวกระจ่างใส มีความยืดหยุ่น และแข็งแรงต่อการระคายเคือง พร้อมยับยั่งการสร้างเม็ดสีตั้งแต่ต้นต่อของการเกิดเม็ดสีเมลานิน

– Hyaluronic Acid ขนาดโมเลกุลเล็กที่ซึมเข้าสู้ผิวได้ลึก ถึงผิวชั้นในสุด ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวยาวนาน ผิวดูอิ่มน้ำเต่งตึง มีส่วนช่วยลดเลือนริ้วรอย

ด้วยนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพล้ำกว่าอาร์บูตินถึง 80 เท่า สามารถช่วยลดเลือนให้สีคล้ำของฝ้าดูจางลง ผิวขาวเนียนใน 14 วัน ผ่านการทดสอบจากอาสาสมัครแล้ว ปลอดภัยแม้ผิวบอบบางแพ้ง่าย

พร้อมสารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วน ฝ้ากระจุด่างดำ ลดเลือนริ้วรอย และฟื้นฟูสภาพผิว สูตรเฉพราะของ เจ เอ็ม ซี

  • ลดเลือนฝ้าเก่าให้แลดูจางลง
  • ป้องกันและลดโอกาสการเกิดฝ้าใหม่ขึ้นซ้ำ
  •  บำรุงผิวให้ดูขาวกระจ่างใส สีผิวเรียบเนียน
  • ลดเลือนริ้วรอย ผิวหน้าแลดูชุ่มชื้น

จุดเด่น

  • เข้ายับยั้งทุกกระบวนการเกิดฝ้า ตั้งแต่ต้นตอ
  •  มี VC-IP วิตมินซีชนิดพิเศษ ช่วยปกป้องจากแสงแดด/ยูวี/แสงสีฟ้า ได้ในระดับที่น่าพอใจ
  •  ไม่มีน้ำหอม พาราเบน แอลกอฮอล์ และสารไฮโดรควิโนน
  • ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงเมื่อหยุดใช้

เนื้อสัมผัส เนื้อครีมสีขาว บางเบา ซึมง่าย ไม่เหนอะหน้า

สรุปข้อดี ของ Supreme Anti-Melasma Cream เน้นในเรื่องของ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอย ฟื้นฟูผิว เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว

ครีมดูแลผิวเป็นฝ้า แบบ 4 in 1 สยบทั้งวงจรฝ้า ไม่กลับมาเป็นซ้ำ ด้วย นวัตกรรมเอกสิทธิ์เฉพาะ ผสานสารสกัดสำคัญทั้ง 4 ชนิด เข้ายับยั้ง ลดเลือน บำรุง พร้อมป้องกันผิวหมองคล้ำ เป็นฝ้าได้อย่างตรงจุด

สำหรับใครที่สนใจ สั่งจองเทสเตอร์ได้ที่ 👇🏻

Line id : 083-007-8589

****สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่****

ศูนย์อบรมเครื่องสำอาง JMC

(JMC Cosmetic Training Center)

Managing Director

Tel: 083-007-8589, Line ID: careandliving

https://www.facebook.com/JMC-Cosmetic-Training-Center-113166417038006/

สถานที่อบรม :

ศูนย์อบรมเครื่องสำอาง

อาคารเลขที่ 88/22 หมู่บ้าน เนอวานา พาร์ค (Nirvana Park)

ซ. รามคำแหง 53 ถ. รามคำแหง แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง 10310

มีฝ่าย R&D 
พัฒนาสูตร และผู้เชี่ยวชาญดูแล อย่างใกล้ชิด

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : วิธีการใช้ครีมรักษาฝ้าอย่างไรให้เห็นผล ฝ้าจางได้ไวขึ้น!