ทำไมฉีด “วัคซีน” แล้ว ยังติด “โควิด-19” ได้อีก?
ทำไมฉีด “วัคซีน” แล้ว ยังติด “โควิด-19” ได้อีก? หลายคนอาจเคยมีประสบการณ์ หรือเคยได้ยินว่า ถึงจะฉีดวัคซีนแล้ว แต่ก็ยังเสี่ยงติดโควิด-19 ได้อยู่ จริงหรือไม่ แล้วเราจะฉีดวัคซีนกันไปทำไม อ. พญ.
ทั้งนี้ อาจมีคนสงสัยว่าทำไมวัคซีนทั้ง 2 ยี่ห้อ ได้แก่ ซิโนแวค (SinoVac) กับ แอสตร้าเซนเนก้า(AstraZeneca) ที่เป็นวัคซีนโควิด-19 ที่ต้องฉีด 2 เข็มด้วยกันทั้งคู่ ทำไมถึงมีระยะการฉีดระหว่างเข็มแรก และเข็มที่ 2 ไม่เท่ากัน ส่งผลอย่างต่อการป้องกันโควิด-19 บ้าง
ข้อมูลจากเฟซบุ๊กเพจ Drama-Addict ระบุว่า สำหรับวัคซีนของ แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ในระยะแรกๆ ยังคงให้ฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรกราวๆ 4 สัปดาห์ (ใกล้เคียงกับของซิโนแวคในปัจจุบัน) แต่ที่ในระยะหลังๆ เปลี่ยนมาฉีดเข็มที่ 2 หลังจากฉีดเข็มแรกไปถึง 12 สัปดาห์ หรือราว 3 เดือน เพราะจากการศึกษาเพิ่มเติมพบว่า หากเว้นระยะระหว่างเข็มแรกกับเข็มที่ 2 มากขึ้นจนถึง12 สัปดาห์ ภูมิต้านทานในร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากงานวิจัยระบุว่าสามารถเพิ่มการป้องกันโรคได้ราวๆ 90% เลยทีเดียว
สำหรับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า หลังฉีดเข็มแรกไปแล้วราวๆ 1 เดือน จะมีภูมิต้านทานโควิด-19 เพิ่มขึ้นราว 60-70% ส่วนซิโนแวคคือหลังสัปดาห์ที่ 3 เป็นต้นไป
จากการอภิปรายของแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลรามาธิบดี ระบุว่า ทุกยี่ห้อประสิทธิภาพในภาพรวมไม่ต่างกัน ที่ต้องผลิตออกมาหลายยี่ห้อไม่ใช่เพื่อแข่งกัน แต่เพื่อจะได้ช่วยผลิตช่วยระดมฉีดทุกตัวที่มีให้ครอบคลุมจำนวนประชากรมากที่สุด อิสราเอล อังกฤษ อเมริกัน จีนใช้วัคซีนต่างชนิดกัน แต่ทยอยกลับสู่ภาวะปกติได้เหมือนกัน ประเทศที่กลับสู่ภาวะปกติได้ช้า หรือประเทศที่ยังมีอัตราการฉีดวัคซีนได้น้อย
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : “วัคซีนโควิด-19” ซิโนแวค กับ แอสตร้าเซนเนก้า ทำไมเว้นระยะเข็มแรกกับเข็มที่ 2 ไม่เท่ากัน?
เรื่องนี้ไม่อนุญาติ ให้แสดงความคิดเห็น