เมื่อต้องขับรถออกต่างจังหวัด เราจำเป็นต้องใช้ทางร่วมกับเหล่าพี่รถบรรทุก รถพ่วงมากมาย ซึ่งการขับรถตามรถใหญ่ๆ เหล่านี้ ทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ดี แต่พี่รถบรรทุกส่วนใหญ่ก็มักจะส่งสัญญาณไฟต่างๆ ให้เราเสมอ วันนี้เรามาทำความเข้าใจในความหมายของสัญญาณเหล่านั้นกันดีกว่า

เมื่อต้องขับตามหลังรถบรรทุก

     – เปิดไฟเลี้ยวซ้าย ขวา สลับกัน หมายถึงรถบรรทุกคนนั้นกำลังจะเบรก เนื่องจากข้างหน้ามีด่าน หรือมีอุบัติเหตุ เราควรขับตามด้วยความเร็วต่ำ และห้ามแซง

     – เปิดไฟเลี้ยวซ้าย ทั้งที่ไม่ที่ถนนให้เลี้ยว หมายถึง ทางข้างหน้าว่าง หรือไม่มีรถสวนเลนมา ให้เราสามารถแซงขวาไปได้

     – เปิดไฟเลี้ยวขวา กลับกัน หากเราจะแซงขวา แต่รถบรรทุกคันหน้าเปิดไฟเลี้ยวขวา นั่นเป็นสัญญาณบอกว่ายังแซงตอนนี้ไม่ได้ อาจเป็นเพราะข้างหน้าเป็นทางโค้ง ระยะแซงไม่พอ หรือมีรถสวนเลนมา

     – เปิดไฟสูง จังหวะที่เรากำลังแซง รถบรรทุกจะเปิดไฟสูง เพื่อให้เราเห็นทางได้ชัดขึ้น และเป็นสัญญาณช่วยบอกว่าเราแซงพ้นแล้วหรือยัง หากแซงพ้นแล้ว รถบรรทุกก็จะปิดไฟสูง แปลว่าให้เรากลับเข้าเลนได้

เมื่อขับสวนกับรถบรรทุก

     – ดับไฟหน้า แล้วเปิดไฟ แปลว่าข้างหน้าเรามีด่าน หรือมีอุบัติเหตุรุนแรง ให้ระมัดระวัง

     – กระพริบไฟหน้า แล้วเปิดไฟเลี้ยวทางฝั่งเรา สัญญาณนี้แปลว่าข้างหน้าเรามีด่าน ให้เราลดความเร็วลง

     – กระพริบไฟ 1 ครั้ง เป็นการเช็กว่าเราง่วงนอนหรือไม่ หรือถามว่าข้างหน้ามีด่านหรือไม่ ถ้าทุกอย่างปกติดี หรือไม่มีด่าน ก็ให้เราตอบกลับไปด้วยการกระพริบไฟ 1 ครั้ง

     – โผล่หน้ารถมาจากคันหน้า แล้วกระพริบไฟสูง 1 ครั้ง แปลว่ารถบรรทุกคันนั้นจะขอทางฝั่งเราเพื่อแซงรถคันหน้า ถ้าเราโอเคก็ให้กระพริบไฟตอบไป 1 ครั้ง

เมื่อกำลังจะกลับรถ

     – กระพริบไฟ 1 ครั้ง หมายความว่า รถบรรทุกคันนั้นให้เรากลับรถได้ เพราะเขาไม่ได้ใช้ความเร็วมาก

     – กระพริบไฟ 2 ครั้งพร้อมบีบแตร แปลว่าอย่าเพิ่งกลับรถมา เพราะเขามาด้วยความเร็ว

จะเห็นว่าแค่เราเข้าใจการสื่อสารบนท้องถนนตรงกัน ก็จะช่วยให้เราขับขี่กันอย่างปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้สัญญาณบางชนิดก็ใช้กันเป็นมาตรฐานสากลอีกด้วย