ปิดเมนู
หน้าแรก

รับลมหนาวที่ Reykjavik

เปิดอ่าน 168 views

รับลมหนาวที่ Reykjavik

Tonkit360

สนับสนุนเนื้อหา

คอหนังหลายคนที่ชื่นชอบภาพยนตร์เรื่อง The Secret Life of Walter Mitty คงจะประทับใจฉากเล่นสเก็ตบอร์ดลงเขาในประเทศ Iceland

 

ส่วนคอบอลก็คงจะชื่นชมผลงานของทีมชาติ Iceland ทั้งในบอลยูโร 2014 และบอลโลก 2016 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะลีลาของกองเชียร์

ซึ่งหากพูดถึง Iceland แล้ว แม้จะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ทว่า ต้นคิด 360 องศาในสัปดาห์นี้ จะขออาสาเจาะไปที่ Reykjavik

Reykjavik เมืองหลวงของ Iceland ที่ได้ชื่อว่า เป็นนครหลวงเเห่งของบนโลกที่ตั้งอยู่ขั้วโลกเหนือหรือบริเวณอาร์กติกเซอร์เคิล

Reykjavik ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ Iceland บริเวณตอนล่างของอ่าว Faxafloi จัดเป็นเมืองที่มีบรรยากาศสวยสดงดงาม

โดยเฉพาะในฤดูหนาว แม้จะตั้งอยู่ในบริเวณขั้วโลกเหนือที่อากาศหนาวเหน็บตลอดปี ทว่า ใครจะอยากพลาดหน้าหนาวใน Reykjavik

ใส่เสื้อโค้ทหนาๆ พร้อมอุปกรณ์ป้องกันความหนาว ทิ้งความกลัวอากาศเย็นยะเยือกเอาไว้ที่เมืองไทย แล้วไปตะลุย Reykjavik กันสักครั้ง

ตามประวัติแล้ว Ingolfur Arnarson เป็นผู้ที่ได้ชื่อว่า คือมนุษย์คนเเรกที่ค้นพบ Reykjavik  สมัยที่พรมแดน Scandinavia ยังเป็นผืนเดียวกัน

เมื่อครั้งที่ Ingolfur Arnarson มาลงหลักปักฐานที่ Reykjavik ยังขาวโพลนไปด้วยหิมะ และประกายน้ำแข็งระยิบระยับที่โอบคลุมหมู่บ้านชาวประมง

ก่อนที่อีกหลายสิบปีต่อมา เริ่มมีคนอพยพเข้ามาตั้งรกรากที่ Reykjavik เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเมืองมีสีสันเพิ่มจากสีขาว และพัฒนาอย่างก้าวกระโดด

โดยที่ในเวลาต่อมา Reykjavik ได้ถูกพัฒนาให้กลายไปเป็นศูนย์กลางทางการค้าเเละธุรกิจทางด้านการประมงที่เป็นอาชีพหลักของบรรพชน

ก่อนที่จะถูกยกฐานะขึ้นเป็นนครหลวงของ Iceland ในเวลาต่อมา ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความท้าทายแบบสุดขั้วสภาพอากาศ

ทันทีที่มาถึง Reykjavik สถานที่แรกที่ห้ามพลาดก็คือ โบสถ์ Hallgrímskirkja ที่โดดเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางความเย็นยะเยือกของบ้านเมือง

 

ความประทับใจที่มีต่อโบสถ์ Hallgrímskirkja ซึ่งส่งทอดกันมารุ่นต่อรุ่นก็คือ สถาปัตยกรรม Expressionism อันสวยสดงดงามนั่นเอง

นอกจากโบสถ์ Hallgrímskirkja เเล้ว Reykjavik ยังมีสถาปัตยกรรมอีกมากมายที่น่าสนใจซึ่งขึ้นชื่อลือชาในหมู่นักท่องเที่ยว คือ Perlan

Perlan เป็นที่ตั้งของ “พิพิธภัณฑ์ไวกิ้ง” ซึ่งเป็นบทพิสูจน์เส้นพรมแดนที่พร่าเรือนของชาวScandinavia เพราะ “ไวกิ้ง” คือ Nordic

และชาว Nordic ก็คือคน Scandinavia โดย “ไวกิ้ง” หาจำกัดอยู่เพียง Sweden Denmark หรือ Norway เพียงอย่างเดียวไม่

อีกทั้ง Reykjavik ยังมี The Sun Voyager หรือ Solfar ประติมากรรมเลื่องชื่อระดับโลก ที่ถือเป็น Landmark สำคัญไม่แพ้สถานที่อื่นๆ

ส่วน Árbæjarsafn หรือพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วรรณา ซึ่งถือเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ใหญ่และสวยที่สุดแห่งหนึ่งของทวีปยุโรป

โดย Árbæjarsafn มีการจัดเเสดงบ้านเรือนเเบบดั้งเดิมของชาว Iceland รวมถึงการจัดเเสดงข้าวของเครื่องใช้และเครื่องเรือน

ขณะเดียวกัน National Gallery of Iceland ก็มีงานศิลปะถาวรติดตั้งผลงานของเหล่าศิลปินชาว Iceland เอาไว้ให้ชมกันได้ตลอดปี

โบสถ์ Hallgrímskirkja เเล้ว Reykjavik ยังมีโบสถ์ที่สำคัญอีก 4 แห่งคือ Frikirkjan Landakotskirkja Vioeyjarkirkja และ Seltjarnarneskirkja

รวมถึงทะเลสาบ Tjornin ที่สวยงามมาก น้ำใสและนิ่งยิ่งกว่ากระจก ส่องสะท้อน Reykjavik จนดูคล้ายว่ามีเมืองแฝดตั้งอยู่ใต้น้ำ

สำหรับการเดินทางใน Reykjavik นั้น มีบริการให้เลือกหลายแบบตามแต่ไลฟ์สไตล์ของใครของมัน เพราะมีทั้งรถเมล์ รถราง จักรยานเช่า

ที่พักใน Reykjavik นั้นมีหลากหลายแบบให้เลือกใช้บริการ สนนราคาโรงแรมระดับ 4 ดาว เฉลี่ยแล้วตกเพียงคืนละ 2,000 บาทเท่านั้น

ส่วนสายการบินไป Reykjavik นั้น แนะนำ Iceland Air โดยจะมีเที่ยวบินต่อมาจากยุโรป (ต้องบินจากสุวรรณภูมิเข้ายุโรปก่อน)

จะเลือกไปต่อเครื่องที่ประเทศไหนก็ได้ อย่างที่ทราบเที่ยวบินจากไทยไปยุโรปเฉลี่ยไม่เกิน 25,000 บาท Paris Amsterdam Geneva

หรือจะเป็น Zurich Frankfurt Copenhagen Munich จากนั้นต่อจากยุโรปเข้า Reykjavik ประมาณ 10,000 บาท

สำหรับ VISA เข้า Iceland เป็นชนิด Schengen VISA ตามข้อตกลง Schengen Agreement ของยุโรป 26 ประเทศ

โดยยื่นขอ VISA ได้ที่สถานทูตเดนมาร์ก ประจำประเทศไทย เลขที่ 10/104-106 (801-803) ชั้น 8 อาคารเทรนดี้ ถนนสุขุมวิท ซอย 13 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : รับลมหนาวที่ Reykjavik