เมื่อเรียนใกล้จะจบกันแล้ว การฝึกงานนั้นถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเรียน แต่เป็นขั้นตอนแรกในการก้าวไปสู่โลกของการทำงานจริง เพราะอนาคตที่เราไปการสัมภาษณ์งาน แน่นอนว่าทางบริษัทนั้นจะถามเราว่า เรามีประสบการณ์การทำงานในด้านนี้มาบ้างหรือไม่ คำตอบของเรานั้นจะสะท้อนความเป็นตัวเรารวมถึงผลงาน และความถนัดด้วย

การบอกเล่าสิ่งที่สนใจและทัศนคติของเรานั้นจะช่วยประกอบการพิจารณาในการรับเราเข้าทำงานด้วย ดังนั้นการฝึกงานถือเป็นสิ่งสำคัญในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ วันนี้เราจะมาเล่าข้อคิดและประสบการณ์การฝึกงานของเราให้ทุกคนฟัง ที่อาจจะช่วยให้ทุกคนได้เตรียมตัวก้าวสู่การทำงานที่แท้จริงได้อย่างราบรื่น

ประสบการณ์การฝึกงาน สำคัญอย่างไรกับนักศึกษาอย่างเรา?

ได้สัมผัสถึงชีวิตการทำงานจริง

การฝึกงานเป็นเสมือนการได้ทดลองทำงานจริง โลกของการฝึกงานนั้นต่างจากการเรียนในมหาวิทยาลัยอย่างสิ้นเชิง เหมือนได้ออกไปเรียนรู้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง การทำงานจริงนั้น ทำให้เราเห็นว่าสิ่งที่เราเรียนมาอย่างคลอบคลุมนั้นแท้จริงแล้วมีไม่กี่อย่างที่เราสามารถนำมาประยุคใช้ในตำแหน่งงานนั้นได้จริงๆ การเริ่มทำงานเหมือนการเริ่มเรียนรู้ใหม่อีกครั้ง การเอาตัวไปสัมผัสกับอาชีพที่เราสนใจ โดยใช้ความรู้เฉพาะด้าน จะทำให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นว่าเราต้องทำอะไร รับผิดชอบสิ่งบ้าง และได้สัมผัสภาวะความกดดันในการทำงานต่างๆ ทดสอบว่าเราสามารถอยู่กับสิ่งนั้นได้ไหมหากต้องทำอาชีพนั้นจริงๆ เปรียบเสมือนการประเมินตัวเองไปในตัว

เรียนรู้การรับผิดชอบงาน

ความจริงแล้วเราทุกคนมักจะถูกฝึกให้รับผิดชอบต่อหน้าที่อยู่แล้ว แต่ความรับผิดชอบที่ต้องเจอในการทำงานจริงนั้นต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เราจะเห็นเลยว่าชีวิตของคนทำงานนั้นต้องรับผิดชอบหน้าที่อะไรบ้าง ต้องวางแผนทำงานอย่างไรให้งานออกมาดี โดยไม่เกิดปัญหา และมีวิธีการทำงานอย่างไรให้ผ่านพ้นทุกปัญหาและความกดดันไปได้ นี่คือบทเรียนของการเป็นผู้ใหญ่ที่ทุกคนจะได้เรียนรู้ถึงความรับผิดชอบจากการฝึกงาน

การปรับตัว เอาตัวรอดในสังคมคนทำงาน

ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสังคมคนทำงานได้ ตราบใดที่เรายังทำงานในบริษัทหรือทีมเดียวกัน คนเราเลี่ยงการเข้าสังคมไม่ได้ นักศึกษาอย่างเราก็ต้องเรียนรู้การอยู่ในสังคมอย่างไรให้ปลอดภัย และมีความสุข การฝึกงานถือเป็นอีกประสบการณ์ที่ดี ทำเราจะได้เห็นถึงคนหลายประเภทในสังคม แบบไหนเรียกดีหรือไม่ดี แบบไหนเรียกจริงใจหรือหวังผล เราต้องเรียนรู้ว่าคนแบบไหนต้องระวัง ทั้งหมดนี้คือเป้าหมายหนึ่งในการใช้ชีวิตเลยก็ว่าได้ การเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมในองค์กรจะทำให้เรามีภูมิคุ้มกันที่ดี ต่ออนาคตที่ต้องเริ่มทำงานจริง

การเก็บ Portfolio เพื่อต่อยอดการสมัครงาน

นักศึกษาในชั้นปีสุดท้ายนั้นต้องวางแผนการทำงานต่อ โดยเราสามารถเตรียมผลงานของตัวเองได้ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ โดยเริ่มจากการวิเคราะห์ตัวเองว่าอยากทำอาชีพอะไร แล้วเริ่มเก็บผลงานล่วงหน้า นอกจากผลงานที่เราทำตอนเรียนรวมถึงตอนทำ Thesis จบ ก็สามารถนำมาเก็บใน Portfolio ได้ ผลงานจากประสบการณ์ฝึกงานก็สามารถใช้ได้เช่นกัน ดังนั้นอยากทำอาชีพอะไร แนะนำว่าพยายามหาประสบการณ์ทำงานที่สอดคล้องกับสายอาชีพนั้นๆ เพื่อที่เราจะสามารถเอาผลงานมาใช้ต่อยอดในการสมัครงานได้ในอนาคต

วิเคราะห์ความถนัด จากการทดลองทำงานจริง

การฝึกงานทำให้เราได้รู้ว่า กว่าจะได้งานมาแต่ละชิ้นต้องทำงานกับผู้อื่นอย่างไรบ้าง ทั้งหมดเป็นเสมือนเครื่องมือในการวิเคราะห์ว่า อาชีพที่เราเลือกฝึกนั้นเหมาะกับเราจริงไหม เราลองทำแล้วชอบไหมถนัดหรือเปล่า บางคนเรียนมาหลายปี พอได้ลองฝึกงานในอาชีพที่ตรงกับสายที่เราเรียนแล้ว งานนั้นอาจจะไม่ใช่สำหรับเราก็เป็นได้ ทั้งหมดนี้จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นว่าเรียนจบไปแล้ว จะมีแผนการเลือกอาชีพอย่างไรต่อไป

ทางเลือกของอาชีพในอนาคต

เมื่อฝึกงานจบเราจะได้ทัศนคติในการทำงานมากขึ้น ประสบการณ์ในการฝึกงานช่วยให้เราเลือกวางแผนชีวิตตัวเองได้มากขึ้น มองเห็นช่องทางการทำงานได้หลากหลายมากกว่าเดิม บางคนอาจเลือกที่จะเดินสายอาชีพตรงตามที่เรียนมา ในขณะเดียวกันบางคนก็อาจมองเห็นทางเลือกที่หลากหลายกว่าจากประสบการณ์ฝึกงาน ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องมือในการตัดสินใจเลือกอาชีพได้ในอนาคต

สำหรับใครที่ได้คอนเน็คชั่นจากการฝึกงาน นักศึกษาจบใหม่หลายคน ได้งานทำตั้งแต่ก่อนเรียนจบจากคอนเน็คชั่นที่รู้จักกันตั้งแต่ตอนทำงานขณะเรียนอยู่หรือการฝึกงาน การฝึกงานจะทำให้เราได้รู้จักคนมากขึ้น และทำให้เราได้มีโอกาสในการหางานได้มั่นคงกว่าเดิมนั่นเอง

ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่นักศึกษาฝึกงานคนอย่างเราๆจะได้รับกลับไปไม่มากก็น้อย ช่วงเวลาในการฝึกงานนั้นเป็นช่วงเวลาในการลองผิดลองถูก ก่อนจะได้ออกไปทำงานจริง แถมเรายังได้รับคำแนะนำรวมถึงความรู้ใหม่ๆจากรุ่นพี่ที่ฝึกงานอีกด้วย สิ่งที่สำคัญคือการได้มองเห็นตัวเอง ได้ประเมินตนว่าเราต้องพัฒนาไปในทิศทางไหน ถึงจะเป็นคนที่มีประสิทธิภาพพอสำหรับการทำงานจริง