ทำไมฉีด “วัคซีน” แล้ว ยังติด “โควิด-19” ได้อีก?
ทำไมฉีด “วัคซีน” แล้ว ยังติด “โควิด-19” ได้อีก? หลายคนอาจเคยมีประสบการณ์ หรือเคยได้ยินว่า ถึงจะฉีดวัคซีนแล้ว แต่ก็ยังเสี่ยงติดโควิด-19 ได้อยู่ จริงหรือไม่ แล้วเราจะฉีดวัคซีนกันไปทำไม อ. พญ.
โดย 10% ของกลุ่มตัวอย่างบอกว่าตนมีความสนใจเพียงเล็กน้อยในวัคซีน ขณะที่ 14% บอกว่าตนไม่มีความสนใจเลย และ 11% บอกว่ายังไม่แน่ใจ
บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพต่างเชื่อว่า วัคซีนคือทางออกที่จะช่วยให้ผู้คนทั่วโลกกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ แต่จากผลการสำรวจครั้งนี้พบว่า คนอเมริกัน 36% ยังไม่มีความสนใจมากนักที่จะรับวัคซีนหากประธานาธิบดีทรัมป์บอกว่าวัคซีนนั้นปลอดภัย และมีเพียง 14% ที่บอกว่ามีความสนใจอย่างมาก
ปธน.ทรัมป์ กล่าวไว้ว่า วัคซีนจะพัฒนาสำเร็จภายในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งถือว่าเร็วมากสำหรับการพัฒนาวัคซีนที่ปกติแล้วต้องใช้เวลาราว 5-10 ปี หรือนานกว่านั้น
ขณะนี้ หลายประเทศกำลังพัฒนาและทดสอบวัคซีนที่เข้าข่ายกว่า 100 ชนิด และบางชนิดเริ่มนำมาทดสอบกับมนุษย์แล้ว โดยกลุ่มตัวอย่างราวครึ่งหนึ่งให้ความเห็นว่า การที่วัคซีนโควิด-19 ถูกเร่งพัฒนาและผลิตเร็วเกินไป อาจส่งผลต่อคุณภาพและความปลอดภัยของวัคซีนดังกล่าวได้
ขณะที่มากกว่า 40% เชื่อว่าตัววัคซีนมีความอันตรายกว่าเชื้อโคโรนาไวรัสเสียอีก
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่บอกด้วยว่า ความเชื่อมั่นของพวกตนที่มีต่อวัคซีนจะขึ้นอยู่กับคำแนะนำขององค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ หรือ FDA รวมทั้งผลการศึกษาในวงกว้างเป็นหลัก
ผลการวิจัยครั้งนี้ค่อนข้างผิดกับสิ่งที่นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญที่ต่างเชื่อมั่นว่า ภายใต้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้ คนอเมริกันส่วนใหญ่น่าจะ “สนใจอย่างมาก” ที่จะได้รับวัคซีนทันทีที่พัฒนาสำเร็จ
การสำรวจครั้งนี้ทำกับกลุ่มตัวอย่างคนอเมริกันวัยผู้ใหญ่ 4,428 คน ระหว่างวันที่ 13-19 พ.ค. 63
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : ผลสำรวจชี้ 1 ใน 4 ของคนอเมริกันไม่สนใจรับวัคซีน “โควิด-19”
เรื่องนี้ไม่อนุญาติ ให้แสดงความคิดเห็น