ปรับวิธีคิด สร้างทัศนคติใหม่ ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับได้

ในยุคที่ต้องต่อสู้ดิ้นรน ชีวิตการทำงานเปรียบเสมือนการลงสนามเพื่อแข่งขัน ทั้งแข่งกับตัวเอง เพื่อนร่วมงาน รวมถึงบริษัทคู่แข่ง จนอาจเกิดเป็นความเครียดและความกดดันขึ้นภายในใจ ส่งผลทำให้เกิดภาวะการนอนไม่หลับขึ้นกับเราได้บ่อยครั้ง เมื่อเรา นอนไม่หลับ ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของเรา ทั้งยังทำให้เกิดภาวะของอารมณ์ไม่คงที่ สุขภาพจิตเสีย พาลให้หงุดหงิดและทำอะไรไม่ได้ดั่งใจไปทั้งวัน

สาเหตุของการนอนไม่หลับ

การนอนไม่หลับมีสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความกังวลหรือความเครียด การกินสารกระตุ้นการทำงานของร่างกาย และพฤติกรรมการนอนหลับหรือลักษณะจำเพาะของแต่ละคน

1. ความกังวลหรือความเครียด เป็นต้นเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะในสภาวการณ์ปัจจุบันที่รีบเร่ง เร่งรัด แข่งขัน วัตถุนิยม หรือปัญหาสามี-ภรรยา ปัญหาลูกหลาน เป็นต้น ทำให้เกิดความเครียดหรือกังวลเกินควร ส่งผลให้เกิดการนอนไม่หลับ ซึ่งอาจทำให้มีอาการผิดปกติอื่นๆ ของร่างกายร่วมด้วย เช่น ปวดหัวตึงเครียด โรคแผลในระบบทางเดินอาหาร เป็นต้น

2. การกินสารกระตุ้นการทำงานของร่างกาย ที่พบได้บ่อยคือ เครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ และเครื่องดื่มกาเฟอีน หรือเครื่องดื่มชูกำลัง เป็นต้น ซึ่งสารกาเฟอีนมีฤทธิ์กระตุ้นสมอง ทำให้เราไม่รู้สึกง่วงนอน และทำงานได้นานยิ่งขึ้น ถ้ามีการดื่มใกล้เวลาเข้านอน เช่น ในช่วงบ่าย เย็น หรือค่ำ สารกระตุ้นเหล่านี้อาจยังไม่หมดฤทธิ์ทำให้ไม่ง่วงนอน ตาแข็ง นอนไม่หลับได้

3. พฤติกรรมการนอนหลับหรือลักษณะของแต่ละคน คนที่จำเป็นต้องเข้านอนไม่เป็นเวลา อันได้แก่ผู้ที่ต้องทำงานเป็นผลัดสลับระหว่างกลางวันและกลางคืน ทำให้ระบบนาฬิกาชีวิตปรับตัวได้ไม่ดี เกิดการนอนไม่หลับ หรือในบางคนจะเป็นคนที่ไวต่อเสียงหรือสิ่งกระตุ้นจากภายนอก ต้องนอนในที่ที่เงียบสนิท ถ้ามีเสียงเพียงเล็กน้อย ก็จะตื่นได้ง่าย เป็นต้น

 

ผลกระทบจากการนอนไม่หลับ

การนอนไม่หลับทั้งสามชนิดนี้ล้วนทำให้ช่วงระยะเวลาที่ร่างกายได้พักผ่อนหรือเวลาหลับสนิทลดน้อยลงกว่าปกติ ส่งผลต่อความพร้อมและความสดชื่นของสมองและส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้รู้สึกไม่สดชื่น แจ่มใส ง่วงเหงา หาวนอน ขาดสมาธิในการทำงาน สภาวะอารมณ์ไม่คงที่ หงุดหงิดง่าย ส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตและคุณภาพการทำงานได้

การแก้ปัญหาการนอนไม่หลับ

การแก้ปัญหาการนอนไม่หลับสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ

1.การรักษาโดยไม่ต้องใช้ยา

เนื่องจากปัญหาการนอนไม่หลับส่วนใหญ่เกิดจากความเครียดและกังวล หากเราสามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้ ความกังวลก็จะคลายลงได้ไม่น้อย ส่งผลให้เรานอนหลับง่ายขึ้น ทั้งนี้เราต้องพยายามปรับเปลี่ยนทัศนคติบางอย่าง เพื่อให้เรานั้นสามารถก้าวต่อไปได้ เช่น ทุกปัญหามีทางการแก้ไขเสมอ ถึงอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยก็ตาม หรือแม้กระทั่งการยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น แล้วค่อยๆ พยายามหาทางแก้ไขต่อไป เป็นต้น

2. การใช้ยานอนหลับ

ยานอนหลับ คือ ยาที่ออกฤทธิ์ทำให้ง่วงนอน และมักช่วยบรรเทาอาการตึงเครียดได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามการใช้ยานอนหลับต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพราะปัจจุบันยาชนิดนี้มีหลายประเภท ต้องใช้อย่างระมัดระวัง ซึ่งหากเราทานติดต่อกันในระยะเวลาหนึ่ง เมื่อเราทานต่อในปริมาณเท่าเดิม ร่างกายของเราจะเกิดอาการ “ดื้อยา” อาจต้องใช้ยาในปริมาณที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้เห็นผล หรือบางคนที่ใช้ยานอนหลับบ่อย จนทำให้ “ติดยา” เมื่อไม่ได้ทาน ก็จะไม่สามารถนอนหลับได้ด้วยตนเอง ซึ่งนั่นถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายมากๆ

นอกจากการทายานอนหลับแล้ว เรายังสามารถใช้วิธีผ่อนคลายสมองอย่างอื่น เช่น การนั่งสมาธิ สวดมนต์ หรือแม้กระทั่งฟังเพลง ก็จะช่วยทำให้เรานอนหลับได้ง่ายขึ้น แต่แนะนำว่าสิ่งที่ดีที่สุด เราควรเริ่มจากการปล่อยวาง ปรับเปลี่ยนทัศนคติวิธีคิดเสียใหม่จะดีกว่า ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ หรือเราอาจจะลองปรึกษาปัญหากับคนรอบข้างดูก่อนก็ได้ อย่างน้อยการระบาย ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ความรู้สึกของเราเบาขึ้นนะ เมื่อความกังวลลดลง อาการนอนไม่หลับก็จะลดลงด้วย จริงไหม?

 ที่มา : www.thaihealth.or.th