ปิดเมนู
หน้าแรก

ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ “ผีแดง” ?!

เปิดอ่าน 377 views

ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ “ผีแดง” ?!

ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ “ผีแดง” ?!

Hot Score

สนับสนุนเนื้อหา

“ถ้าผมเป็นกองหลัง ผมคงหงุดหงิดกับบรรดาแนวรุก เพราะพวกเขาจะต้องจัดการคู่แข่งให้ได้ไปนานแล้ว”

ประโยคข้างบนนี้ คือวาทะของ โจเซ่ มูรินโญ่ หลังบุกไปทำได้แค่เสมออันเดอร์เลชท์ 1-1 เมื่อ 7 วันที่แล้ว

ส่วนเกมเลกสองที่โรงละคร เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ผมเชื่อว่า มูรินโญ่ก็คงแอบเซ็งกับผู้เล่นกองหน้าที่ใช้โอกาสเปลืองอีกเช่นเคย จนต้องเหนื่อยเพิ่มถึงช่วงต่อเวลา กว่าจะน็อกยอดทีมจากเบลเยี่ยมลงได้

เกมนี้เริ่มไปได้แค่ 10 นาที “ปีศาจแดง” ออกนำก่อน ต้องชมการทำเกมของ ปอล ป็อกบา ที่แทงบอลยาวไปให้มาร์คัส แรชฟอร์ด ทำเกมรุกกดดัน

 

during the UEFA Europa League quarter final second leg match between Manchester United and RSC Anderlecht at Old Trafford on April 20, 2017 in Manchester, United Kingdom.

ทว่าแนวป้องกันทีมเยือนพลาด แรชฟอร์ดก็เลยแอสซิสต์ต่อไปให้ เฮนริค มคิทาร์ยาน สังหารด้วยขวาอย่างเฉียบขาด

หลังจากยูไนเต็ดขึ้นนำ ดูเหมือนว่าเกมจะไม่มีปัญหาอะไร แต่พวกเขาคิดอะไรอยู่มิทราบ ไปผ่อนเกม และถอยมาตั้งรับ เปิดโอกาสให้อันเดอร์เลชท์บุกเข้าใส่

ท่านผู้อ่าน คงจำภาพเมื่อสัปดาห์ก่อนได้นะครับ เกมนั้น “เร้ด เดวิลส์” ขึ้นนำตั้งแต่ครึ่งแรก แล้วก็เล่นแบบผ่อนเกม ลงมาตั้งรับ จนโดนตีเสมอช่วงท้ายเกมนี่แหละ

แต่แล้วในช่วงกลางครึ่งแรก แฟนๆ “เร้ด อาร์มี่” ก็ได้รับข่าวร้าย เมื่อมาร์กอส โรโฮ ที่กำลังเล่นได้ดีในช่วงนี้ ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้า จนต้องถูกเปลี่ยนตัวออก และส่งดาลี่ย์ บลินด์ ยืนเซ็นเตอร์แทน

 

MANCHESTER, ENGLAND – APRIL 20: An injured Marcos Rojo of Manchester United is given treatment during the UEFA Europa League quarter final second leg match between Manchester United and RSC Anderlecht at Old Trafford on April 20, 2017 in Manchester, United Kingdom. (Photo by Laurence Griffiths/Getty Images)

เผอิญว่า บลินด์ ไม่ใช่ปราการหลังตัวกลางโดยธรรมชาติ และค่อนข้างช้า แถมโดนคู่แข่งที่เล่นเกมบุกกดดันอยู่แล้ว เกมรับก็เลยปั่นป่วน ผีแดงเลยเสียประตูจนได้

ลูกตีเสมอของทีมจากเบลเยี่ยมนั้น ก็ต้องบอกว่า เป็นโชคและความผิดพลาดของเจ้าบ้าน อย่างละครึ่ง ยูริ ทีเลอมองส์ ยิงแฉลบผู้เล่นยูไนเต็ด ไปชนคาน บอลกระดอนเข้าทางลูคัส ทีโอดอร์เซียค

ลุค ชอว์ แบ็กซ้ายปีศาจแดง ก่อความผิดพลาด ปล่อยให้เกมรุกฝั่งขวาอันเดอร์เลชท์ เข้ามาง่ายๆ บลินด์พยายามเข้าสกัด แต่เอาไม่อยู่ ทีโอดอร์เซียคเลยแตะให้โซฟิยาน ฮานนี่ ซัลโวเป็นประตู

ถึงตรงนี้ ทีมของโจเซ่ มูรินโญ่ ต้องกลับมาเปิดเกมบุกเอาประตูอีกครั้ง ซึ่งก็มีโอกาสเพียบแปล้ แต่ไม่มีปัญญาบวกสกอร์เพิ่มเพื่อปิดเกมได้ซะที

 

MANCHESTER, ENGLAND – APRIL 20: Sofiane Hanni of RSC Anderlecht (C) celebrates as he scores their first goal during the UEFA Europa League quarter final second leg match between Manchester United and RSC Anderlecht at Old Trafford on April 20, 2017 in Manchester, United Kingdom. (Photo by Laurence Griffiths/Getty Images)

อีกทั้งมูรินโญ่ ตัดสินใจแก้เกม ด้วยการถอดเจสซี่ ลินการ์ด ออก แล้วส่งมารูยาน เฟลไลนี่ ลงช่วยแดนกลาง เพื่อเพิ่มการโจมตีลูกกลางอากาศ และขยับมคิทาร์ยานออกไปเล่นด้านข้าง

มีอยู่จังหวะหนึ่งที่เจ้าบ้านน่าจะได้สุดๆ เดนนิส อัปเปียห์ สกัดบอลพลาด โดนหนูแรช หลุดเดี่ยวไปดวลกับนายประตูทีมเยือนแล้ว แต่ดันจับบอลแรงเกินไป เลยหมดโอกาสยิงอย่างน่าเสียดาย

ก่อนหมดเวลา ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่ไม่ค่อยมีบทบาทในเกมรุกมากนัก ได้รับบาดเจ็บไปอีกคน กุนซือชาวโปรตุกีส ตัดสินใจส่ง อ็องโตนี่ มาร์กซิยัล ลงแทน และแล้ว เกมนี้ต้องยืดเยื้อต่ออีก 30 นาที

กระทั่งในนาทีที่ 107 สถานการณ์ ก็สร้างวีรบุรุษจนได้ เมื่อยูไนเต็ด ได้ประตูที่ 2 บลินด์ เปิดบอลโด่งไปให้เฟลไลนี่ อาศัยจุดแข็งให้เป็นประโชยน์ โหม่งชงให้หัวหอกดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ ล็อกหลบหนึ่งจังหวะ และตะบันเข้าไปอย่างหมดจด

 

MANCHESTER, ENGLAND – APRIL 20: Marcus Rashford of Manchester United celebrates scoring their second goal during the UEFA Europa League quarter final second leg match between Manchester United and RSC Anderlecht at Old Trafford on April 20, 2017 in Manchester, United Kingdom. (Photo by Matthew Peters/Man Utd via Getty Images)

ต้องบอกว่า แรชฟอร์ด ท็อปฟอร์มสุดๆ และได้แมน ออฟ เดอะ แมทช์ ประจำเกมนี้ด้วย

กระนั้น ในช่วงเวลาที่เหลือ “เร้ด เดวิลส์” ก็จะประมาทไม่ได้ เพราะถ้าโดนตีเสมอ พวกเขาจะตกรอบด้วยกฎประตูทีมเยือนได้เช่นกัน

ยักษ์ใหญ่จากบรัสเซลส์ พยายามเปิดเกมรุกอย่างหนัก เพื่อหวังอีก 1 ประตูที่ต้องการ และมี 2-3 จังหวะ ที่ทำเอาเด็กผีลุ้นกันเสียววาบเลยทีเดียว

ท้ายที่สุด ลูกทีมของมูรินโญ่ ยันสกอร์นี้ไว้ได้ แมนฯ ยูไนเต็ด ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศรายการนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร เหนือกว่าสถิติเดิม ที่ไปได้ไกลสุด ในรอบ 8 ทีม เมื่อซีซั่น 1984-85

 

แต่ชัยชนะของทีม ต้องสังเวยโรโฮ และซลาตัน ที่บาดเจ็บ ทำให้ตอนนี้ลิสต์นักเตะเจ็บของสโมสร มีเพิ่มเป็น 5 คน ต่อจากฆวน มาต้า, ฟิล โจนส์ และคริส สมอลลิ่ง

ซึ่งด่านต่อไป ของทีมสีแดงแห่งแมนเชสเตอร์ ในรอบตัดเชือก คือการพบกับ เซลต้า บีโก้ ทีมกลางตารางจากลาลีกา สเปน โดยนัดแรก จะไปเยือนบีโก้ก่อน ในวันที่ 4 พฤษภาคม และนัดสองกลับมาโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 11 พฤษภาคม

ส่วนอีกคู่ อาหยักซ์ อัมสเตอร์ดัม จะพบกับ โอลิมปิก ลียง น่าเสียดายที่เมมฟิส เดปาย ปีกของ “โอแอล” จะติดคัพไท ลงเล่นรอบน็อกเอาต์รายการนี้ไม่ได้ เนื่องจากเคยลงเล่นให้ “ปีศาจแดง” ในรอบแบ่งกลุ่ม จำนวน 3 นัด

ไหนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็มาไกลถึงขนาดนี้แล้ว ผมเชื่อว่า โจเซ่ มูรินโญ่ คงไม่ทำให้ความพยายามทั้งหมดที่ทำมา สูญเปล่านะครับ…

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ “ผีแดง” ?!