ปิดเมนู
หน้าแรก

ชีวิตที่เรียนรู้และพัฒนาไม่เคยหยุด ณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์

เปิดอ่าน 640 views

ชีวิตที่เรียนรู้และพัฒนาไม่เคยหยุด ณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์

_A1A0597

คนที่เคยผ่านพื้นที่ก่อสร้างคงจะเคยเห็นโลโก้ของ ช.การช่าง โดยเฉพาะคนกรุงที่ต้องเคยเห็นในพื้นที่ของการก่อสร้างรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดินอย่างแน่นอน หลายคนอาจจะรู้จัก ช.การช่าง ในฐานะบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของไทย  แต่มีคนอีกไม่น้อยที่รู้จัก ช.การช่าง ผ่านบทสัมภาษณ์ในสื่อต่างๆของผู้บริหารหนุ่มที่กำลังเป็นที่จับตามองในวงการธุรกิจในฐานะคลื่นลูกใหม่ของ ช.การช่าง ‘ณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์’ นับเป็นเวลา 4 ปีแล้วที่เขาได้กลับมาสานต่องานธุรกิจของครอบครัว หลังจากไปศึกษาที่อเมริกาตั้งแต่อายุ 15 ปี จนจบปริญญาโทและทำงานด้านการเงินที่ Wall Street

ณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์  ขณะนี้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการสำนักกรรมการผู้จัดการใหญ่และเลขานุการบริษัท มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบในหลายส่วน ทั้งส่วนงานของเลขานุการบริษัท นอกจากนี้ยังมีงานด้านนักลงทุนสัมพันธ์ Investor Relations อีกทั้งงานด้านการประชาสัมพันธ์ ที่เขาจะเน้นให้บริษัทเป็นที่รู้จักให้มากขึ้น และสุดท้ายคือส่วนงานด้าน CSR (Corporate Social Responsibility) หรือความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร ซึ่งต้องขอยกนิ้วให้กับความสามารถในการทำงานของผู้ชายคนนี้ และครั้งนี้เราได้ขอบุก ช.การช่าง เพื่อสัมภาษณ์ผู้ชายเก่งคนนี้

แผนงานในอนาคตของ ช.การช่าง

นโยบายในปัจจุบันคือเราจะเป็นผู้นำในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและเป็นผู้นำในการพัฒนาการลงทุนระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน โดยส่วนตัวคิดว่าเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน มันสามารถต่อยอดไปได้อีกหลายสิบปี รัฐบาลเองก็มีนโยบายผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟฟ้าอีก 10 สายที่จะมีในอนาคต รถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ มอร์เตอร์เวย์ ซึ่งก็ใช้เวลาอีกเป็นสิบปีกว่าจะทำเสร็จสิ้น ยังมีเรื่องอื่นๆที่เราเข้าไปดู อย่างเรื่องไฟฟ้าและน้ำประปา เราก็เข้าไปลงทุนด้วย ซึ่งเรื่องปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้ยังจะต้องโตขึ้นไปอีกเยอะ เวลาที่ ช.การช่าง เข้าไปรับเหมาก่อสร้างแล้วมีงานสัมปทาน เราก็จะเข้าประมูลงานบริหารสัมปทานมาด้วย หลังจากนั้นเราก็จะจัดตั้งบริษัทลูกขึ้นมาเพื่อไปบริหารจัดการงานสัมปทานนั้นๆ ปัจจุบันนี้ก็มี บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ บริหารงานทางด่วนขั้นที่ 2  บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ บริหารงานรถไฟใต้ดิน(MRT)  บมจ.น้ำประปาไทย (TTW) เป็นผู้ผลิตน้ำประปาเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย  บมจ.ซีเค พาวเวอร์ เป็นธุรกิจไฟฟ้าที่เราไปลงทุนในโรงไฟฟ้าต่างๆ ก็เป็นธุรกิจต่างๆในกลุ่มบริษัท ช.การช่าง คนทั่วไปจะรู้จักว่า ช.การช่าง ว่าเป็นธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ตอนนี้เราเลยจะทำการประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้นว่า ช.การช่าง เป็นผู้ก่อสร้างและพัฒนาด้วย

csr1

งานในส่วน CSR : Corporate Social Responsibility

ก็จะเป็นการช่วยเหลือในด้านวิศวกรรมที่เป็นสิ่งที่เราสร้างได้ ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่อยู่ใกล้ไซต์ก่อสร้าง เพราะถ้าเราเข้าไปทำการก่อสร้างแล้วมีผลกระทบกับพื้นที่นั้น เราก็อยากจะเข้าไปช่วยเหลือสร้างประโยชน์ให้กับพื้นที่นั้นเพื่อที่ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่มีความรู้สึกที่ดีขึ้น  ก็จะเป็นการสร้างโรงเรียน ซ่อมแซมวัด สร้างถนนในหมู่บ้านให้เดินทางสะดวก  ตอนปีที่เกิดน้ำท่วมเราก็ไปช่วยแจกอาหารข้าวของเครื่องใช้ อย่างปีที่แล้วเกิดแผ่นดินไหวที่เชียงราย เราก็ไปสร้างโรงเรียนที่นั่น 2 หลัง

การกลับมาทำงานที่ ช.การช่าง มีความกดดันจากคนรอบข้างบ้างหรือเปล่า

ก็เป็นเรื่องปกติครับ เพราะคนก็คาดหวังไว้ที่เราเหมือนกัน ด้วยความที่เป็นลูกคุณพ่อ (คุณปลิว ตรีวิศวเวทย์) ได้ไปเรียนอเมริกาตั้งแต่เด็ก เคยได้ทุนเรียนต่อและเคยทำงานที่นิวยอร์ก พอกลับมาทำงานที่นี่เขาก็คงจะคาดหวังไว้กับเราสูง เราก็ต้องพยายามทำให้ได้ แต่ผมก็มองว่าเป็นสิ่งที่ดีนะครับ พอเรามีแรงกดดันก็จะทำให้เรากดดันตัวเองเพื่อที่จะทำงานให้ดีขึ้น ผมว่าทุกอย่างในชีวิตเราสามารถทำให้ดีขึ้นได้อีกอยู่แล้ว

_A1A0600

ความแตกต่างระหว่างการทำงานที่ต่างประเทศกับการกลับมาทำงานของครอบครัว

แตกต่างกันอยู่แล้วครับด้วยเนื้องานที่ต่างกัน เมื่อก่อนผมทำงานด้านไฟแนนซ์มาก่อน ตอนนี้มาทำด้านโยธา ตอนที่ทำงานไฟแนนซ์มันเป็นงานเฉพาะด้าน ดูแลงานเรื่องอนุพันธ์ เป็นพนักงานประจำต้องนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน พอกลับมาทำงานที่ ช.การช่าง สโคปงานจะกว้างมาก มีโครงการใหม่ๆที่ต้องศึกษาตลอด มีโครงการลงทุนใหม่ๆที่เราต้องเข้าไปมีส่วนร่วม หน้าที่การงานก็ต้องเปลี่ยนไป การทำงานที่เป็นกิจการของครอบครัวก็จะให้ความรู้สึกเป็นเจ้าของมากกว่าและมีส่วนได้ส่วนเสียในงานมากกว่างานที่เป็นลูกจ้าง ก็จะทุ่มลงไปกับงานมากขึ้น

เป็นลูกจ้างกับเป็นเจ้าของกิจการ แบบไหนที่เครียดกว่ากัน

เครียดคนละแบบ ตอนที่ทำงานไฟแนนซ์ก็เครียดเพราะเราก็อยากจะมีผลงานที่ดี เป็นการทำงานครั้งแรก เรามีความใฝ่ฝันที่อยากจะทำงานที่ Wall Street พอเรียนจบปุ๊บก็ไปหางานทำที่นั่นเลย พอได้งานทำแล้วก็อยากจะพิสูจน์ตัวเองว่าเราก็ทำได้ดีต้องตั้งใจทำที่สุด ก็มีความเครียดว่าเราจะแซงคนอื่นได้ยังไง เพราะงานไฟแนนซ์ก็มีการแข่งขันสูงอยู่เหมือนกัน

_A1A0598

ก้าวเข้ามาทำงานบันเทิงได้อย่างไร

ตอนที่กลับมาจากอเมริกา มีเพื่อนที่ทำงานเป็นแคสติ้งเขาก็บอกว่ามีงานที่เหมาะกับเรา เขาก็ชวนให้เราไปลองดู เราก็ไม่เคยคิดว่าเราจะทำงานด้านนี้ได้ ก็เลยลองไปแคสดู แล้วก็ไม่ได้งาน จากนั้นก็ไม่ได้งานอยู่หลายงาน มันก็เหมือนเป็นการทดสอบตัวเองนะว่าเรามีความอดทนมีความพยายามแค่ไหน จนทำให้เราเกิดความรู้สึกว่าสักวันเราต้องทำให้ได้ พอได้งานก็รู้สึกดีใจมาก โฆษณาชิ้นแรกเป็นโฆษณากาแฟของอินโดนีเซีย ชิ้นแรกที่ออนแอร์ในไทยจะเป็นโฆษณา SB Furniture หลังจากนั้นก็มีสัมภาษณ์ตามนิตยสารต่างๆ เริ่มไปงานสังคมบ้าง จนมาปีที่แล้วมีรายการ Family Secret ของกันตนา เป็นรายการแนวเรียลลิตี้ที่นำเอาทายาทธุรกิจ 7 คนมาแชร์ประสบการณ์ชีวิตการทำงานของแต่ละคน ทางกันตนาเขาคงเห็นแววในตัวเราว่าน่าจะเล่นละครได้ ก็เรียกมาแคสละครเรื่อง ยัยเป็ดขี้เหร่ Ugly Betty Thailand

มีกฎเกณฑ์ในการรับงานบันเทิงยังไง

งานบันเทิงที่ทำอยู่สำหรับผมเป็นงานอดิเรกมากกว่า ที่เราทำเพราะว่าเราสนุกเป็นสีสันของชีวิต แต่ถ้ารับทำงานไหนแล้วก็จะตั้งใจทำเต็มที่ เพราะถ้างานออกมาไม่ดีเราก็จะรู้สึกแย่ อย่างแรกที่รับงานคือรู้สึกดีรู้สึกสนุกที่จะทำ อย่างที่สองคือเรื่องภาพลักษณ์ว่าขัดกับภาพลักษณ์ของการเป็นผู้บริหารหรือเปล่า

page1

ถามเรื่องครอบครัวบ้าง มีพี่น้องกี่คน

มีพี่สาว 1 คน กับ พี่ชาย 1 คน  พี่สาวคนโต ‘พี่หนิง ดร.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์’ ตอนนี้เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ ช.การช่าง พี่ชายคนกลาง ‘พี่ปอง คุณธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์’ ตอนนี้เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ ซีเค พาวเวอร์ ส่วนผมเป็นคนเล็ก ก็จะสนิทกันทั้งหมด พี่ชายกับพี่สาวแม้ว่าจะแต่งงานแยกครอบครัวไปแล้วแต่บ้านก็จะอยู่ติดกัน บ้านพี่ชายก็สร้างอยู่ในรั้วเดียวกัน ส่วนบ้านพี่สาวก็จะอยู่ใกล้ๆเดินไปหากันได้

เหตุการณ์ที่ประทับใจกับครอบครัว

เพิ่งผ่านมาเร็วๆนี้เลยครับเป็นงานบวชพี่ชาย ด้วยความที่ผมไปเรียนที่อเมริกาตั้งแต่อายุ 15 ทำให้เป็นคนที่ค่อนข้างจะอิสระอยู่ตัวคนเดียวได้ ช่วงที่อยู่อเมริกาก็จะบ้าเรียนมาก พี่ชายพี่สาวแต่งงานก็ติดสอบไม่มีโอกาสได้มาร่วมงาน จนตลอด 4 ปีที่ได้กลับมาอยู่บ้านก็เลยเพิ่งมีโอกาสได้เสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว พอมองย้อนกลับไปก็รู้สึกว่าในช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของพี่ชายพี่สาวเราน่าจะได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์นั้นด้วย จนได้อยู่ร่วมในงานบวชพี่ชายก็รู้สึกดีและเห็นเลยว่าสีหน้าและแววตาคุณพ่อคุณแม่เขาปลื้มมากๆที่พี่ชายบวชให้คุณแม่ เรารู้สึกได้เลยว่าคุณพ่อคุณแม่และคนในครอบครัวมีความสุข

IMG_0723

คุณพ่อคุณแม่เป็นคนเข้มงวดแค่ไหน

ไม่เข้มงวดครับ ที่บ้านค่อนข้างปล่อยให้ลูกเป็นคนเลือกทำในสิ่งที่อยากจะทำ ก็มีเตือนบ้างว่าการตัดสินใจทำอะไรก็จะมีผลที่ตามมา ให้เลือกเดินชีวิตอย่างสมเหตุสมผล อย่างที่ผมไปทำงานด้านบันเทิงต้องคิดตริตรองให้ดีว่าไม่มีผลกระทบในอนาคตข้างหน้าที่เราจะไปทำหน้าที่ผู้บริหารใน ช.การช่าง

คำสอนของคุณพ่อคุณแม่

หลักๆจะเป็นเรื่องการเป็นคนนอบน้อมและให้เกียรติผู้ใหญ่ เพราะงานที่เราทำอยู่ก็จะเจอกับบุคคลหลายประเภท ถ้าเรามีความนอบน้อมก็จะทำให้คนอื่นอยากจะร่วมงานกับเรา รักเรา แล้วเรื่องอื่นๆก็จะดำเนินไปได้ด้วยดี

_A1A0604

งานอดิเรกยามว่าง

เป็นคนที่ชอบออกกำลังกายถ้าว่างก็จะไปออกกำลังกาย อีกอย่างที่ชอบซึ่งอาจจะดูเนิร์ดๆหน่อยคือชอบเล่นเกมส์ PlayStation เล่นมาตั้งแต่เด็กเลย ซึ่งผมมองว่ามันไม่ใช่แค่ของเล่นแต่เป็นสิ่งเอ็นเตอร์เทนประเภทหนึ่งมันเหมือนดูหนัง ปัจจุบันถ้าเล่น Play 4 จะสามารถใส่ข้อมูลการตัดสินเข้าไปได้

ถ้ามีวันหยุดหลายๆวันจะทำอะไร

สิ่งที่ชอบมากคือนอนพัก ถ้ามีเวลาว่างชอบนอนตื่นสายๆ ถ้ามีเวลาว่างมากๆก็จะไปทะเลไปนอนพักไปรีแลกซ์ไม่ต้องคิดถึงเรื่องงาน ทะเลที่ชอบไปก็ใกล้ๆอย่างหัวหินปราณบุรี อีกสถานที่ที่ชอบไปก็ที่ญี่ปุ่น ชอบอาหารญี่ปุ่น เป็นประเทศที่สะอาด มีระบบระเบียบ ทันสมัย

_A1A0609

สิ่งที่เราภาคภูมิใจในตัวเอง

ภูมิใจว่าตัวเองสามารถทำอะไรหลายๆอย่างที่ไม่คิดว่าจะทำได้ อย่างเช่นเรื่องเรียนก็เพิ่งจะมาเรียนเก่งตอน ป.6 – ม.1 ก็เลยมาคิดว่าเรามาลองตั้งใจเรียนดูดีกว่า ลองอดทนลองพยายาม อ่านหนังสือ ทำการบ้าน ไม่หนีเรียน แล้วก็ทำได้ 4.00 ไปเรียนอเมริกาตอนแรกๆก็มีปัญหา เพราะเราเป็นคนเอเชีย เพื่อนเป็นฝรั่งคุยกันเราฟังไม่ทันพูดกันไม่รู้เรื่อง เราก็เป็นเหมือนตัวตลกเลยคิดว่าเราต้องเรียนให้ดีแล้วไม่งั้นจะไม่มีจุดเด่นในชีวิต ก็เลยพยายามเรียน แล้วเราก็ทำได้จนได้ทุนไปเรียนปริญญาโทที่สแตนฟอร์ด ถ้ามีความตั้งใจพยายามก็จะประสบความสำเร็จในทุกอย่างที่ทำ บางอย่างเป็นสิ่งที่เราไม่ได้คิดไม่ฝันว่าจะทำได้ด้วย อย่างเรื่องการแสดงนี่ก็เหมือนกัน พูดได้เลยว่าเมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีความสามารถไปอยู่หน้ากล้องได้เพราะขี้อายสุดๆถ้าอยู่หน้ากล้องคืออาย ตัวสั่น พูดอะไรไม่ได้เลย

อะไรคือสิ่งที่ไม่เพอร์เฟคในตัวเอง

คิดว่าปัจจุบันยังมีประสบการณ์การทำงานที่ ช.การช่าง ยังไม่มากพอ ตอนนี้ก็เริ่มที่จะมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในช่วงที่เรียนรู้งานก่อนที่เราจะสามารถที่จะทำโครงการอะไรขึ้นมาเป็นของตัวเองได้ ซึ่งนั่นคือจุดมุ่งหมายของผมเลยล่ะ ตอนนี้เรายังอยู่ในช่วงที่ต้องผลักดันตัวเองเสริมสร้างประสบการณ์การทำงานให้แข็งแรงขึ้น

ชีวิตใน 5 ปีที่ผ่านมา กับในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร

เป็นเรื่องที่เดายากมากนะ เพราะ 5 ปีที่แล้วมาถึงปัจจุบันชีวิตเปลี่ยนไปเยอะมาก ตอนนั้นเรายังทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน ต้องตั้งใจทำงานเพื่อที่จะให้เจ้านายประทับใจจะได้มีโอกาสที่จะเลื่อนตำแหน่ง ตอนนั้นอยู่ในช่วงอายุยี่สิบปลายๆที่ยังเที่ยวเล่นใช้ชีวิตของความเป็นหนุ่มโสดในมหานครนิวยอร์ก พอ 5 ปีผ่านมา เรากลับมาที่นี่ เรามีกิจการครอบครัวมีภาระหน้าที่ มีโครงการอีกหลายโครงการที่เราอยากให้ ช.การช่าง เติบโตขึ้นไป และเรายังต้องพิสูจน์ตัวเองในฐานะรุ่นที่ 2 ที่ต้องต่อยอดธุรกิจ อีก 5 ปีข้างหน้าก็ยังเดาไม่ออกครับว่าจะเป็นยังไง

_A1A0615

หลังจบการสัมภาษณ์กับ คุณโจ้ ณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์  เขาทำให้เรารู้ว่านอกจากเขาจะเป็นคนที่มี IQ สูงแล้ว (ซึ่งเราคาดเดาจากผลการเรียนของเขา) แต่เขายังเป็นคนที่มี EQ สูงอีกด้วย แม้เจ้าตัวจะบอกว่าเป็นคนเงียบๆ นิ่งๆ แต่ตลอดการสัมภาษณ์นั้นบนใบหน้าของเขาแฝงไปด้วยยิ้มและมีเสียงหัวเราะอยู่บ่อยๆ แต่สิ่งสำคัญที่เรารับรู้ได้คือความพยายามและความมุ่งมั่นและตั้งใจในทุกสิ่งที่ได้ทำ ความต้องการพัฒนาสิ่งที่อยู่ในมือให้ดียิ่งๆขึ้นไปอีก และ เรามั่นใจอย่างยิ่งว่าผู้ชายคนนี้จะไม่มีวันหยุดนิ่งอยู่กับที่เขาจะต้องก้าวไปข้างหน้าอยู่ตลอดอย่างแน่นอน เพราะคำว่า “พยายาม” ที่หลุดออกมาจากปากผู้ชายคนนี้ให้ได้ยินอยู่หลายครั้ง

สนับสนุนเนื้อหาโดย Men.MThai.com

car cover for sale

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : ชีวิตที่เรียนรู้และพัฒนาไม่เคยหยุด ณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์