เคลือบแก้วรถยนต์ (Glass Coating)

เคลือบแก้วรถยนต์คืออะไร แล้วจะทำไปทำไม หลายๆ คนอาจจะสงสัยกัน แล้ววิธีการมันเป็นอย่างไร ถ้ายังไม่รู้จักหรือรู้จักแต่ยังไม่ดีพอ เรามีความรู้เรื่องเคลือบแก้วรถยนต์มาฝาก
เคลือบแก้วคืออะไร?
เคลือบแก้ว หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Glass Coating นั้นเป็นการเคลือบสีผิวรถทำหน้าที่เป็นผิวสำรองแทนแล็คเกอร์หรือสีจริง มีต้นกำเนิดมาจากญี่ปุ่น โดยมีการนิยามเรื่องของการเคลือบแก้วไว้ คือ
- รถจะต้องทำความสะอาดง่าย ฝุ่นไม่เกาะ น้ำไม่เกาะ คราบสกปรกติดน้อย
- ทำให้สีไม่ซีดจาง
- ป้องกันคราบจาก มูลนก ยางไม้
- เกิดรอยขนผ้า ขนแมว น้อย หรือถ้าจะเกิด ก็ไม่โดนแล็คเกอร์ (ไม่ใช่ทนรอยขีดข่วนหนักๆ หรือ การเอาฟองน้ำติดทรายไปล้างรถ แล้วจะไม่เกิดรอย มันทนไม่ได้ขนาดนั้น อย่าเข้าใจผิด)

ดังนั้นการเคลือบแก้วมีคุณสมบัติก็คือ ป้องกันสีไม่ให้สีรถซีดจางจากการจอดตากแดด ฝุ่นเกาะน้อย น้ำเกาะน้อย ไม่ค่อยเกิดคราบน้ำ ล้างรถง่าย เงางาม ลื่นตลอด แม้ไม่เคลือบสี ป้องกันรอยขีดข่วนบางๆ จากผ้าเช็ดรถ รอยทราย ป้องกันคราบจากมูลนก ยางไม้ ที่จะเกาะติดและทำลายสีรถความหมายโดยรวมก็จะประมาณนี้
การเคลือบแก้วนั้นต้องบอกก่อนว่ายังไม่จะไม่นิยมสักเท่าไรในเมืองไทย เนื่องด้วยราคาที่ยังแพงอยู่มากถ้าเทียบกับการเคลือบเงา แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของความคุ้มค่าก็ต้องบอกว่าคุ้มค่า เพราะว่าการเคลือบแก้วจะอยู่ได้นานกว่าการเคลือบเงาแบบธรรมดามาก เพราะการเคลือบแก้วจะมีหน่วยความหนาเป็นไมครอน ซึ่งมันจะหนามาก ทนทาน อยู่ได้นานตามแต่คุณภาพผลิตภัณฑ์

ส่วนในเรื่องการดูแลทำความสะอาดรถที่เคลือบแก้วก็เป็นอะไรที่ง่าย ๆมาก ล้างโดยใช้น้ำเปล่าก็ได้ หรือหากต้องการใช้แชมพู ก็ควรใช้แชมพูที่มีค่า pH เป็นกลาง ร่วมกับอุปกรณ์เช่น ฟองน้ำ หรือผ้าไมโครไฟเบอร์ก็เพียงพอแล้ว เพียงแค่เท่านี้ก็เงางามขึ้นแล้ว
การจะทำเคลือบแก้วก็ต้องเลือกร้านที่ดูน่าเชื่อถือ ใช้ตัวเคลือบที่มีคุณภาพ เพียงเท่านี้เราก็จะได้รถที่ดูเงางาม ดูเหมือนใหม่ สีสันคงทนอยู่กับเราไปได้อีกนานแล้ว

เกร็ดความรู้ก่อนตัดสินใจทำเคลือบแก้ว
เคลือบแก้วรถยนต์ หรือ Glass Coating เป็นสิ่งที่หลายคนคงคุ้นหูและสงสัยว่า มีความจำเป็นมากหรือน้อยอย่างไรกับรถยนต์ของเรา และถ้าตัดสินใจ จะทำเคลือบแก้วแล้วควรเลือกทำแบบไหนดี เพราะรถหนึ่งคัน เราไม่ควรเสียเงินทำเคลือบแก้วกันบ่อยๆใช่ไหมครับ
เคลือบแก้วมีแทบทุกที่ ?
เนื่องจากในปัจจุบัน มีบริการเคลือบแก้วรถยนต์อยู่แทบทุกมุมเมือง โดยเฉพาะในเคลือบแก้วในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ๆ ก็มีร้านให้บริการเคลือบแก้วรถยนต์อยู่ไม่ต่ำกว่าหลักร้อยถึงพันแห่ง
อะไรคือความแตกต่าง ?
ความแตกต่างของเคลือบแก้วที่แท้จริง คงมีอยู่หลากหลายมิติ แต่หลักๆแล้วเราควรจะเลือกเคลือบแก้วจากปัจจัยใดบ้าง
ปัจจัยข้อ 1 ราคาเคลือบแก้ว ถูกและดีจริงหรือไม่ ?
เป็นเรื่องที่ชวนคิด เนื่องจากราคาของเคลือบแก้วปัจจุบันมีตั้งแต่ราคาหลักพัน ถึงหลักหมื่น จนถึงแสน อะไรคือราคาที่แท้จริง ถูกเกินไป หรือ แพงเกินไป จะน่าเชื่อถือหรือไม่ การใช้ราคาเป็นเกณฑ์ตัดสินคงไม่ใช่คำตอบที่ดีนัก เนื่องจากก่อนที่เราจะตัดสินใจ ควรพิจารณาเรื่องคุณภาพ ความคงทนของเคลือบแก้ว และการบริการก่อน และหลังการขายควบคู่กันไป เพราะราคาที่ถูกที่สุด ไม่ได้แปลว่าจะได้ของดีที่สุดเสมอไป ควรจะเลือกเคลือบแก้วที่คุ้มค่าอยู่ได้คงทน ไม่ต้องเสียเงินบ่อยๆ
ปัจจัยข้อ 2 คุณภาพของเคลือบแก้วแท้ๆ (Si)
จึงเป็นสิ่งที่ต้องนึกถึง และคุณภาพของเคลือบแก้ววัดได้จากอะไรบ้าง อะไรคือเคลือบแก้วแท้ หรือ เคลือบแก้วผสม เคลือบแก้วแท้ๆ ก็เหมือนทองคำแท้ ซึ่งมีมูลค่าและคุณค่าของตนตัวเอง ต้นกำเนิดของเคลือบแก้วแท้ๆ ที่จริงแล้วถูกผลิตขึ้นมาจาก สารซีลีก้า Si โดยปัจจุบัน ค่าความแข็งสูงสุดของเคลือบแก้วซีลีก้าแท้ที่ผลิตได้จริง อยู่ที่ระดับ 9H
ความแข็ง คือ สิ่งที่สำคัญมากกว่าความหนาของไมครอน เคลือบแก้วระดับ 9H จัดเป็นระดับพรีเมียมเกรดที่ทางองค์กรในประเทศญี่ปุ่น Japan Quartz Club ซึ่งเป็นต้นกำเนิดเคลือบแก้วให้การรับรองคุณภาพ ส่วนเคลือบแก้วในระดับผสม มักให้คุณภาพที่ลดลงตามปริมาณ และความคงทน นั้นหมายความว่า หากเราเลือกเคลือบแก้วผสม เราอาาจะต้องเสียทำเงินเคลือบแก้วบ่อยๆ เพราะมีการเกาะติดของสารซีลีก้าในปริมาณต่ำ ถึงแม้จะเคลือบให้มีความหนาหลายชั้นเป็น สิบๆไมครอน ก็ไม่ได้ช่วยอะไร ถึงแม้จะมีราคาถูก ก็เปรียบเหมือนทองคำที่ถูกชุบ เพราะเนื้อในยังคงมีสารประกอบอื่นๆเจืออยู่นั่นเอง
ปัจจัยข้อ 3 วิธีการทำเคลือบแก้ว และ เทคนิคใหม่ๆ
ถึงแม้จะเลือกเคลือบแก้วแท้ๆ ที่มีการผลิตมาจากสารซีลีก้า Si เข้มข้น แต่ในตลาดยังมีอยู่มากมาย ดังนั้นการเคลือบแก้วที่ให้ผลดี ควรจะพิจารณาจากเทคนิคการส่งผ่านสารซีลีก้าที่ดีด้วยเช่นกัน ซึ่งขั้นตอนวิธีการทำเคลือบแก้วในปัจจุบันนั้นด้วยกันอยู่ 2 ระบบ ได้แก่
1 ระบบทาด้วยมือ (Hand made)
ซึ่งเป็นการทาสารประกอบซีลีก้า Si ลงบนชั้นผิวสีรถยนต์ด้วยฟองน้ำ ให้เกิดเป็นสาร SiO2 ซึ่งเป็นเทคนิคที่คาร์แคร์โดยทั่วไปเลือกใช้ เนื่องจากไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมใดๆ และสามารถเลือกทำได้กับน้ำยาซีลีก้าทุกเกรด ดังนั้นคุณภาพของเคลือบแก้ว จึงขึ้นอยู่กับโครงสร้างของน้ำยาซีลีก้า และความปราณีตและความละเอียดอ่อนของช่าง ซึ่งต้องได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ถึงจะทำให้งานทาเคลือบแก้วนั้นเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ เพราะหากทาไม่ดีแล้ว โอกาสที่น้ำยาซีลีก้าใสๆ จะกระจายตัวปกป้องผิวรถทั้งคัน คงเป็นไปได้ยากและมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นแล้ว
2 เคลือบแก้วระบบพ่น หรือ เรียกว่า Quartz Glass Coating
ซึ่งเป็นเทคนิคการเคลือบแก้วขั้นสูง ทำได้เฉพาะกับเคลือบแก้วที่ให้ค่าความแข็งระดับ 9 H เท่านั้น เนื่องจากเทคนิคการพ่น จะช่วยส่งผ่านสารซีลีก้า ให้เกิดประจุซีลีก้า SiO2 ตามธรรมชาติ เปรียบได้ดังแร่ Quartz หรือผลึกแก้วที่แข็งกว่าแก้วทั่วไป ซึ่งเทคนิคการพ่นจะใช้ได้เฉพาะกับ สารเคลือบแก้วที่มี Silica ความเข้มข้นสูง ไม่มีสารประกอบอื่นๆเจือปนเท่านั้น ดังนั้น ระบบพ่นจึงเป็นที่นิยมมากและถูกพูดถึงมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็น ประเทศต้นกำเนิดเคลือบแก้วรถยนต์และคิดค้นวิธีการพ่นขึ้นมา ซึ่งในประเทศไทยได้มีกลุ่มคาร์แคร์คุณภาพนำเข้าเทคนิคการพ่นนี้เข้ามาแล้ว โดยผ่านการยอมรับจาก Japan Quartz Club ประเทศญี่ปุ่น ดังนั้น หากพิจารณาเลือกทำเคลือบแก้วให้กับรถที่เรารักสักครั้ง ควรจะพิจารณาตามปัจจัยทั้งหมดที่ได้กล่าวมาครับ และเลือกผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้ ผ่านการรับรองจริงจากองค์กรที่เชื่อถือได้
HD VW Polo Rally Car Racing Monte Carlo 2014
продажа газ
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : เคลือบแก้วรถยนต์ (Glass Coating)
เรื่องนี้ไม่อนุญาติ ให้แสดงความคิดเห็น