อาจจะเคยเห็นโพสต์ในโลกออนไลน์กันมาบ้าง สำหรับอากาศเลือดออกจมูก หรือเลือดกำเดาไหลในช่วงที่เรากำลังผจญพิษฝุ่นละออง PM 2.5 กันอยู่ แค่ฝุ่นแค่นี้ทำให้เราถึงกับเลือดกำเดาไหลได้จริงๆ หรือว่าเป็นเรื่องที่คนแตกตื่นกันไปเอง ลองมาดูข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขกันดีกว่า
ฝุ่นละออง PM 2.5 ทำให้มี “เลือดกำเดา” ได้หรือไม่?
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า อาการเลือดกำเดาไหล และเยื่อบุตาอักเสบมีเลือดออกในตาเพราะฝุ่นละออง สามารถเกิดขึ้นได้จริง แต่ไม่ได้เกิดขึ้นกับบุคคลทั่วไปโดยอาจเกิดได้กับกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคภูมิแพ้หอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด
ที่ผ่านมามีการศึกษาในต่างประเทศที่ยืนยันว่ามีอุบัติการณ์ของโรคทางเดินหายใจจากฝุ่นละออง PM 2.5 เพิ่มขึ้นจริง ทั้งภูมิแพ้จมูกอักเสบกำเริบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ หอบหืดกำเริบ โรคถุงลมโป่งพองกำเริบเฉียบพลัน
ดังนั้น ในช่วงที่มีปัญหามลพิษผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีความไวต่อการเกิดโรค (Hypersensitive) เมื่อสัมผัสกับฝุ่นก็จะไปกระตุ้นให้โรคกำเริบได้ ส่งผลให้เกิดการอักเสบมากขึ้น และทำให้เลือดฝอยบริเวณจมูกมีการอักเสบแตกง่าย จนกลายเป็นเลือกออกจมูก หรือเลือดกำเดาไหลได้นั่นเอง
วิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันเลือดกำเดาไหลในหน้าฝุ่น
อาการเลือดกำเดาไหลและเลือดออกในเยื่อบุตา ยังมีเหตุอีกหลายปัจจัยที่ไม่ได้มาจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เพียงอย่างเดียว แต่เราควรดูแลตัวเองให้ดี โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงควรดูแลตัวเองเป็นพิเศษ ดังนี้
- รับประทานยาที่รักษาโรคประจำตัวอย่างเคร่งครัด
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมในที่กลางแจ้ง
- ใส่หน้ากาก N95 เมื่อต้องออกไปอยู่ในที่กลางแจ้ง และรีบกลับเข้าในอาคารทันทีเมื่อเสร็จธุระ
- เตรียมยาฉุกเฉิน เช่น ยาพ่นขยายหลอดลม ไว้ติดตัวตลอดเวลา
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หรือวิงเวียนศีรษะ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : ฝุ่นละออง PM 2.5 ทำให้มี “เลือดกำเดา” ได้หรือไม่?
เรื่องนี้ไม่อนุญาติ ให้แสดงความคิดเห็น