
อาการ “ลงแดง” คืออะไร อันตรายแค่ไหน พร้อมวิธีรักษา
อาการ “ลงแดง” คืออะไร อันตรายแค่ไหน พร้อมวิธีรักษา คนที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ถ้าจู่ๆ ก็หยุดดื่มทันที อาจมีอาการ “ลงแดง” ได้ โดยอาจมีอาการตั้งแต่ปวดศีรษะ มือสั่น นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย
เป็นเรื่องน่าตกใจที่โรคร้ายแรงอันเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์อย่างซิฟิลิสกลับมาระบาดอีกครั้ง และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือมีการระบาดอย่างรุนแรงในกลุ่มวัยรุ่น ช่วงมัธยมจนถึงมหาวิทยาลัย หรือในเยาวชนที่มีอายุเพียง 15-24 ปี (อ้างอิงจาก BBC.com )
การกลับมาระบาดของโรคซิฟิลิสในปัจจุบัน พบมากที่สุดในกลุ่มวัยรุ่นช่วงมัธยมจนถึงมหาวิทยาลัย อายุระหว่าง 15-24 ปี เนื่องจากเป็นวัยเจริญพันธุ์ มีเพศสัมพันธ์เร็ว และยังขาดความเข้าใจเรื่องเพศศึกษา รวมถึงวัยรุ่นในปัจจุบันใช้ชีวิตที่อิสระมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าหรือเพศสัมพันธ์แบบคืนเดียว (One night stand) นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มวัยรุ่นใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคจากเพศสัมพันธ์น้อยมาก บางคนอาจคิดว่าตนไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงเนื่องจากไม่ได้เปลี่ยนคู่นอนบ่อย จึงไม่ใช้ถุงยางอนามัย แต่ในความเป็นจริง การมีเพศสัมพันธ์ทุกรูปแบบโดยไม่สวมถุงยางอนามัย ถือว่ามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ทั้งสิ้น
นอกจากกลุ่มเสี่ยงดังกล่าวแล้ว เชื้อซิฟิลิสยังสามารถติดต่อจากแม่ที่ติดเชื้อแล้วไม่ได้รับการรักษาสู่ทารกในครรภ์ โดยผ่านทางรกอีกด้วย ส่งผลให้ทารกเกิดมามีความผิดปกติ เช่น ปากแหว่งเพดานโหว่ ตาบอด สมองเล็ก หรือแม้กระทั่งเสี่ยงเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว
โรคซิฟิลิสเกิดจากเชื้อแบคทีเรียเทรโพนีมา พัลลิดัม (Treponema pallidum) มีระยะฟักตัวประมาณ 2 – 4 สัปดาห์จนถึง 3 เดือน ชอบบริเวณที่มีความชื้น ถือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากการสัมผัสเชื้อโดยตรง เช่น การมีเพศสัมพันธ์ การสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย และติดต่อจากแม่สู่ลูกในครรภ์ได้
โรคนี้เคยระบาดและเป็นโรคที่น่ากลัวในอดีต โดยเฉพาะซิฟิลิสระยะที่สาม ผู้ป่วยอาจตาบอด ใบหน้าผิดรูป บางรายอาจมีอาการผิดปกติทางระบบประสาทคล้ายคนเสียสติ ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีจนเชื้อฝังลึกอาจเสี่ยงที่จะเสียชีวิต
โรคซิฟิลิสแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้
แม้ปัจจุบันการแพทย์จะพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง แต่โรคร้ายภัยเงียบอย่างซิฟิลิสก็สามารถกลับมาระบาดอย่างรวดเร็ว หนึ่งในเหตุผลหลักคือ ผู้ป่วยไม่ใส่ใจป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยการใช้ถุงยางอนามัย ไม่ระมัดระวังเรื่องการเลือกคู่นอน ใจร้อนอยากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่คิดวางแผนป้องกันใดๆ รวมถึงไม่เคยเข้ารับการตรวจโรค นอกจากนี้ผู้ติดเชื้อมักไม่แสดงอาการอย่างเด่นชัดจนกว่าจะเป็นระยะสุดท้าย ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวกลายเป็นพาหะของโรคไปโดยไม่ตั้งใจ
ดังนั้นผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำทุกปี แม้จะไม่มีอาการใด ๆ แสดงก็ตาม โรคซิฟิลิสอาจจะดูรุนแรงแต่ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : “ซิฟิลิส” โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อันตรายของวัยรุ่น
เรื่องนี้ไม่อนุญาติ ให้แสดงความคิดเห็น