ครีมรักษาฝ้ากระลึก และจุดด่างดำ โนเลเซอร์คืออะไร?

ฝ้าและสาเหตุการเกิดฝ้า
เมื่อพูดถึงคำว่า “ฝ้า” สาวๆ เกือบทุกคนถึงกับต้องร้องยี้ หรือบางคนอาการหนักกว่านั้นอาจจะถึงกับจิตตกไปเลยก็ได้นะคะ ด้วยความที่ฝ้านั้นเมื่อเกิดขึ้นแล้วการรักษาทำได้ไม่ง่ายนัก คราวนี้จะมาแนะนำให้ความรู้กับสาวๆ ว่าฝ้านั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร เพื่อที่ว่าเมื่อเรารู้แล้ว เราก็จะสามารถหาทางป้องกันได้ดีขึ้น ดีกว่าไม่รู้อะไรเลย จริงไหมล่ะคะฝ้าเกิดได้อย่างไร
สิ่งที่เรียกว่า ฝ้า ก็คือการที่สีของผิวหนังบริเวณหนึ่งๆ ผิดปกติไป ในการจะทำความเข้าใจได้จริงๆ เราก็ควรเข้าใจสิ่งที่ทำให้เกิดสีของผิวหนังเสียก่อน โดยสีของผิวจะเกิดจากสารหรือเม็ดสีเมลานิน (melanin) ซึ่งถูกสร้างมาจากเซลล์ผิวหนัง (เมลาโนไซต์ – melanocyte) ซึ่งเจริญมาจากเซลล์ระบบประสาท โดยแฝงตัวอยู่ที่ด้านล่างสุดของชั้นหนังกำพร้า โดยที่เซลล์ผิวหนังหนึ่งเซลล์จะมีแขนงไปแตะจับกับเซลล์ผิวหนังอีกราวๆ 30-40 เซลล์ เมื่อเกิดเหตุใดๆ ก็ตามที่ทำให้เม็ดสีเหล่านี้ผิดปกติไป ก็จะทำให้สีของผิวบริเวณนั้นผิดปกติไป ถ้ามีลักษณะเป็นแผ่นปื้น ก็จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า “เป็นฝ้า” นั่นเอง
ฝ้ามีอยู่สามชนิดคือ
- ฝ้าแบบตื้น (Epidermal) จะอยู่ในระดับผิวหนังกำพร้า (ผิวหนังชั้นนอก) มักมีลักษณะเป็นสีน้ำตาลขอบชัด เกิดได้ง่าย และสามารถรักษาให้หายได้เร็ว และอีกชนิดคือ
- ฝ้าแบบลึก (Dermis) จะมีอาการผิดปกติ อยู่ในชั้นที่ลึกกว่าชนิดแรก โดยจะเกิด ฝ้า ในระดับที่ลึกกว่าผิวหนังกำพร้า จะเกิดความผิดปกติในระดับชั้นผิวหนังแท้ มีลักษณะเป็นสีม่วงๆ อมน้ำเงิน ขอบเขตไม่ชัด รักษาได้ยากกว่า ฝ้าชนิดตื้น และไม่ค่อยหายขาด
- แบบผสม คือมีทั้งสองแบบปนกันอยู่ในผิวเดียวกัน
ฝ้าเกิดเนื่องมาจากความผิดปกติของเม็ดสีที่ผิว
ฝ้า หรือสิ่งที่ดูคล้ายๆ ฝ้าและอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นฝ้า ก็มีอยู่บ้างนะคะ แต่ถ้าเป็นฝ้าจริงๆ แล้วก็มักจะเป็นเมื่ออายุมากขึ้น เราสามารถรวบรวมความผิดปกติที่เกิดกับเม็ดสีของผิว (โดยเฉพาะที่บริเวณใบหน้า) ได้ดังต่อไปนี้นะคะ
1. เกิดจากโรคผิวหนังบางชนิด
การอักเสบที่เป็นอยู่นานๆ สามารถเป็นสาเหตุหนึ่งที่มักจะถูกลืมไปเลยในการเป็นรอยด่างดำบนผิวหน้าได้ เมื่อการอักเสบหายไปแล้ว ก็จะทิ้งร่องรอยเอาไว้บนใบหน้าเราได้ การติดเชื้อบางอย่างก็ง่ายเหลือเกินเช่นสิวอักเสบแล้วเป็นอยู่เวลานานๆ นอกจากนั้นก็ยังมีโรคผิวหนังบางอย่างอีกเช่น
- Riehl’s melanosis โรคปื้นร่างแหสีน้ำตาล มักเห็นชัดที่บริเวณหน้าผาก ขมับ โหนกแก้ม คาง และ คอ อาจจะเกิดจากการแพ้เครื่องสำอางได้
- Poikiloderma of Civatte โรคเส้นเลือดฝอยแตกขยายผิดปกติที่บริเวณคอ
- Erythromelanosis follicularis โรคที่มีลักษณะเป็นผื่นแดงตามโหนกแก้ม
- Linear Fusca เป็นภาวะที่มีลักษณะเป็นเส้นสีเข้มที่พาดบริเวณหน้าผาก
2. การใช้ยาบางชนิดที่ทำให้เกิดฝ้า
ยาบางชนิดสามารถไปกระตุ้นผิวหนังให้ไวต่อแสงแดด ในขณะที่ยาบางชนิดอาจจะทำให้เกิดฝ้าได้โดยตรงโดยที่ไม่ต้องได้รับการช่วยกระตุ้นจากแสงแดดเลย ยาที่มักจะพบว่ามีผลต่อการเกิดฝ้าคือ
- ยาคุมกำเนิดบางชนิด
- ยาแก้อักเสบเช่นเตตร้าไซคลิน (tetracyclines)
- อะมิโอดาโรน (Amiodarone) ซึ่งเป็นยาที่มีผลกับการทำงานของหัวใจ
- ฟินนีโทอีน (Phenytoin) เป็นยาที่ใช้รักษาโรคลมชักชนิดต่างๆ
- ฟิโนเธียซีน (Phenothiazines) เป็นยาที่ออกฤทธิ์กับระบบประสาท มีผลทำให้ง่วงนอน
- ซัลโฟนาไมด์ (Sulfonamides) ที่ทำหน้าที่ฆ่าเชื้อโรคบางชนิด
3. เกิดจากแสงแดด (มีรังสีอุลต้าไวโอเล็ต – UV, Ultraviolet) สามารถทำให้เกิดฝ้าบางชนิดได้
ฝ้า (Melasma) มีลักษณะเป็นแผ่นสีน้ำตาล เกิดบนใบหน้าบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก จมูก เหนือริมฝีปาก โดยเกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีเมลานินในบริเวณผิวหนังทำงานผิดปกติ และส่งเม็ดสีขึ้นมาบนผิวหนังด้านบนเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้ความเข้มของสีผิวไม่สม่ำเสมอและมองเห็นได้จากภายนอก เม็ดสีเมลานินนี้มีหน้าที่พิเศษคือกรองรังสีเหนือม่วง หรือ อุลตร้าไวโอเล็ต (UV – Ultraviolet) ดังนั้นยิ่งเราตากแดดมากขึ้น ร่างกายก็จะสร้างเม็ดสีเมลานินเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น โดยที่รังสี UVA (รังสี UV ชนิด A เป็นรังสีที่มีช่วงคลื่นยาว พลังงานต่ำ) จะกระตุ้นให้เซลล์ melanocytes สร้างเม็ดสีเมลานินได้โดยตรง, กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ให้ทำงานได้มากขึ้น, และทำให้เซลล์ผิวหนัง (keratinocyte) รับสารเมลานินได้มากขึ้นส่งผลให้สีผิวเข้มขึ้น จึงทำให้เกิดผิวสีคล้ำ เกิดฝ้า หรือ กระ และรังสี UVB (รังสี UV ชนิด B มีช่วงคลื่นสั้น พลังงานสูง) จะทำให้การทำงานประสานกันของเซลล์ melinocyte และเซลล์ keratinocytes ได้ดีขึ้นในการรับส่งเม็ดสีเมลานิน ถ้าได้รับมากๆ สามารถทำให้เกิดผิวไหม้ บวมแดง และหากได้รับรังสีเป็นระยะเวลายาวนาน อาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้
กระแดด (Solar lentigines) มักจะเกิดในคนที่อายุมากและมีประวัติการถูกแสงแดด อาจจะเริ่มจากจุดเล็กแล้วอาจขยายใหญ่ได้มาก (ถ้า lentigines จะหมายถึงขี้แมลงวันค่ะ เป็นคำคล้ายๆ กันอาจจะทำให้สับสนได้)
กระ (ephelides) หมายถึงจุดสีน้ำตาลที่มักมีขนาดเล็กกว่า 0.5 ซม. เกิดจากการมีเม็ดสีเมลานินมากกว่าปกติ พบที่บริเวณใบหน้าและบริเวณที่โดนแสงแดดบ่อยๆ และมักมีสีเข้มขึ้นในฤดูร้อนและจางลงในฤดูหนาว เพราะแสงแดดโดยเฉพาะรังสี UV-B เป็นตัวกระตุ้นให้กระเข้มขึ้น
4. สาเหตุอื่นๆ ของการเป็นฝ้า
นอกจากสาเหตุที่กล่าวไปแล้ว ก็ยังมีโรคหรือภาวะบางอย่างที่สามารถทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกันก็คือ
- การตั้งครรภ์
- โรคตับ
- โรคแอดดิสัน (พบได้น้อยมาก เกิดจากต่อมหมวกไตสร้างฮอร์โมนสเตอรอยด์ได้น้อยกว่าปกติ)
- อีโมโครมาโทซิส (Hemochromatosis) เป็นโรคทางกรรมพันธุ์ที่เกิดจากการสะสมของเหล็กในกระแสเลือด จนทำให้เกิดความเสียหายต่อเซลล์ตับ
- เนื้องอกใต้สมอง
เป็นอย่างไรบ้างคะ จะเห็นว่าฝ้านั้นมีสาเหตุการเกิดได้หลายอย่างเชียว ในบทความต่อไปจะแนะนำในเรื่องของการป้องกันและรักษาฝ้า เพื่อให้สาวๆ มีสุขภาพผิวหน้าและใบหน้าที่สดสวยกันไปนานๆ ค่ะ
ปัญหา ฝ้า กระ จุดด่างดำ
ปัญหาผิวพรรณที่แก้ไม่ตกอย่าง ฝ้า กระ จุดด่างดำ สามารถเกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การใช้ยาบางชนิด ฮอร์โมน พันธุกรรม สารบางชนิดในเครื่องสำอาง แต่สาเหตุหลักที่สำคัญที่สุดมากการที่ผิวโดนรังสี UV เป็นประจำ
การที่ผิวหนังสัมผัสรังสี UV นานเกินไป ส่งผลให้รังสี UV ทำลาย Collagen, Elastin และเส้นใยต่างๆ ที่ยึดโยงโครงสร้างผิว ทำให้ผิวอ่อนแอ ทำให้เกิด UV Aging หรือเรียกได้อีกอย่างว่า Photo Aging คือ “การแก่ก่อนวัย” นอกจากนี้รังสี UV ทำให้ร่างกายผลิตสารอนุมูลอิสระมากกว่าปกติ และ UV ยังทำให้ร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินในผิวหนังมากเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ
ฝ้า กระ จุดด่างดำมีลักษณะอย่างไร?
จุดด่างดำ จุดด่างดำเกิดจากร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินในผิวมากเกินไป โดยเฉพาะบริเวณที่โดนแดดบ่อยอย่างใบหน้า มือ และแขน ซึ่งหากผิวหนังบริเวณนั้นสัมผัสรังสี UV นาน ร่างกายจะผลิตเม็ดสีหรือเมลานินจำนวนมากในบางบริเวณของผิวหนัง ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นๆ เกิดเป็นจุดด่างดำที่มีขนาดและรูปร่างแตกต่างกัน
ฝ้า ฝ้ามี 2 ประเภท คือ “ฝ้าตื้น” และ “ฝ้าลึก” สำหรับ “ฝ้าตื้น” นั้นจะเกิดจากการกระจายตัวของเม็ดสีเมลานินบริเวณหนังกำพร้าเป็นปื้นสีน้ำตาลมีขอบเขตชัดเจน ส่วน “ฝ้าลึก” เกิดจากการที่เม็ดสีเมลานินกระจายลึกลงไปในชั้นหนังแท้ ทำให้เป็นปื้นสีเข้มไม่มีขอบเขตชัดเจน ซึ่งแสงแดดก็เป็นตัวกระตุ้นหลักในการผลิตเม็ดสีเมลานินในผิว ดังนั้นเมื่อโดนแดดนานเกินไป ผิวจึงกลายเป็นสีคล้ำเนื่องจากร่างกายผลิตเมลานินเพิ่มขึ้นกว่าปกติ
กระ กระ มี 4 ประเภท ได้แก่ “กระตื้น” “กระลึก” “กระแดด” และ “กระเนื้อ”
- กระตื้น เป็นกระที่เกิดขึ้นจากการโดนแสงแดดเป็นเวลานาน จะเป็นจุดสีน้ำตาลขนาดเล็ก กระจายทั่วร่างกาย สามารถจางลงได้ ถ้าเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดด มักจะพบในคนผิวขาว และอาจเป็นได้ตั้งแต่อายุน้อย สามารถรักษาให้หายขาดได้
- กระลึก จุดสีน้ำตาลเทาๆ เล็กๆ ลึกลงใต้ผิวเห็นชัดกว่ากระตื้น มักที่จะพบในคนเอเชียที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป เกิดขึ้นเนื่องจากการที่เซลล์สร้างเม็ดสีเมลานินขึ้นผิดที่ คือไปอยู่ชั้นหนังแท้แทนที่จะเป็นผิวหนังกำพร้า(ผิวหนังชั้นนอก) ซึ่งกระลึกสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่จะต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาที่ค่อนข้างนาน ซึ่งหากรักษาหายแล้วจะไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก
- กระแดด เป็นจุดวงกลมสีน้ำตาล กระจายอยู่บริเวณใบหน้าหรือบริเวณนอกร่มผ้า ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดกระชนิดนี้คือ แสงแดด ซึ่งกระแดดจะมีสีเข้มขึ้น เมื่อถูกแสงแดด และเมื่ออายุมากขึ้น มักพบในวัยผู้ใหญ่และผู้ที่อยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานานๆ
- กระเนื้อ เป็นก้อนเนื้อนูนออกมาเป็นตุ่มเล็กๆ มีสีน้ำตาลหรือสีดำ กระจายได้ทั่วร่างกาย ซึ่งกระชนิดนี้ มีสาเหตุเกิดจากพันธุกรรม พบในคนอายุ 30-40 ปีขึ้นไป แม้รักษาแล้ว แต่ก็สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีก
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีเทคโนโลีมากมายที่สามารถรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ และหาทางป้องกันได้ ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงแสงแดด เช่น ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ สวมหมวก สวมเสื้อผ้าแขนยาว กางร่ม
- ใช้ครีมบำรุง (ครีมรักษาฝ้า) สามารถทำให้ฝ้าจางลงและทำให้หน้าดูกระจ่างใสขึ้นได้ เพียงแต่ต้องใช้ระยะเวลารักษาที่ค่อนข้างนาน
- รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ด้วยเลเซอร์ จะเป็นการใช้แสงฉายไปยังบริเวณผิวหนังให้เกิดความร้อน และความร้อนนั้นจะไปทำลายโปรตีนของเม็ดสีผิวหรือเมลานิน ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น แต่การทำ เลเซอร์ ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เมื่อเวลาผ่านไปมีโอกาสจะกลับมามีสีเข้มเหมือนเดิม
- ดูแลตัวเองจากภายใน โดยเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ อย่างสารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed Extract) หรือที่เรียกว่า โปรแอนโธไซยานิดินส์ (Proanthocyanidins) สารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูงและได้ชื่อว่าเป็น Super Antioxidant สามารถช่วยลดฝ้า กระ จุดด่างดำที่เกิดจากแสงแดดได้ จากผลการวิจัยในผู้หญิงที่มีปัญหาเรื่องฝ้า 12 คน โดยให้กินสารสกัดจากเมล็ดองุ่นที่อุดมไปด้วยโปรแอนโธไซยานิดิน พบว่าสารสกัดจาดเมล็ดองุ่น (Grape Seed Extract) ปลอดภัยและช่วยลดการเกิดฝ้า จุดด่างดำ รอยดำไม่ให้ลุกลาม หากรับประทานต่อเนื่องติดต่อกันเป็นระยะเวลา 6 เดือนขึ้นไป


สลายฝ้า . . . หน้าตึง ‼
เซรั่มลดเลือนฝ้ากระ เจ เอ็ม ซี
ช่วยลดเลือนฝ้า ฝ้ากระ จางลง
ช่วยลดริ้วรอย ให้ผิวเต่งตึง กระชับ แลดูอ่อนกว่าวัย
บำรุงและฟื้นฟูได้อย่างล้ำลึก ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ อันทรงคุณค่า สูตรลับเฉพราะ ของ เจ เอ็ม ซี ลูกค้าซื้อซ้ำ มากกว่า 98%
ใช้ได้ทุกสภาพผิวจ้าาา
เข้ามาค่ะ เปิดใจลองแล้วคุณจะรักผิวของคุณเอง🥰
——————————-
สายด่วน 083-007-8589
ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ 🙏
นวัตกรรมเซรั่มไวท์เทนนิ่งบำรุงผิวหน้าล่าสุด ของ JMC ผสาน 2 พลังเซรั่มฝ้า เซรั่มริ้วรอยเข้มข้น ไว้ในขวดเดียว เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดทุกครั้งที่ใช้
Supreme Whitening Anti-Melasma Serum
สูตรเข้มข้น ช่วยลดเลือนปัญหาฝ้ากระหนาลึก และจุดด่างดำที่ต้นตอได้ดีกว่า 10 เท่า โดยไม่ทำให้ผิวไวต่อการเกิดจุดด่างดำ และช่วยลดการกลับมาเป็นซ้ำอีก
#Repair #Smooths #Restores #Corrects #AntiMelasma #AntiWrinkle #ลดเลือนฝ้ากระทุกชนิด #ลดเลือนริ้วรอย #ฟื้นบำรุง #ผิวเรียบเนียน
ประเภทผิว: ทั้งหมด
ผลิตภัณฑ์นี้คือ
เซรั่มที่ช่วยรับมือสัญญาณผิว ฝ้ากระ จุดด่างดำ และดูร่วงโรย ให้โอกาสผิวเป็นครั้งที่สองในการรับมือกับฝ้ากระ หน้าหมองคล้ำ เส้นริ้ว ร่องและความเสียหายจากมลภาวะและแสงแดด
ทำงานอย่างไร
สูตรเพื่อผิว ลดเลือนฝ้ากระ จุดด่างดำ ผิวไม่เรียบเนียน ให้ดูอ่อนเยาว์และช่วยให้ดูเรียบเนียนและเปล่งประกายขึ้น หน้าขาวใสและเส้นริ้วจากการแสดงความรู้สึกจึงดูจางลง
No parabens. No phthalates. No fragrance. Just happy Skin.
สำหรับใครที่สนใจ สั่งจองเทสเตอร์ได้ที่ 👇🏻
Line id : 083-007-8589
หรือทักสั่งทางเพจได้เลยนะคะ (FB: JMC Cosmetic Training Center )
เซรั่มฝ้ากระหน้าขาวใส
ขนาด 15 มล. ราคา 390 บาท + 50 บาท (ค่าส่ง) =440 บาท
#JMCCosmeticTrainingCenter
JMC สอนทำเครื่องสำอาง สอนทำครีม สอนทำเวชสำอาง ผลิตภัณฑ์ความงาม สำหรับธุรกิจส่วนตัว
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : ครีมรักษาฝ้ากระลึก และจุดด่างดำ โนเลเซอร์คืออะไร?
เรื่องนี้ไม่อนุญาติ ให้แสดงความคิดเห็น