ตำแหน่งเกียร์ออโต้แปลกๆ อย่าง 2, 1 และ L มีไว้ทำอะไร?
ตำแหน่งเกียร์ออโต้แปลกๆ อย่าง 2, 1 และ L มีไว้ทำอะไร? คนใช้รถเกียร์อัตโนมัติจะทราบถึงการทำงานที่แตกต่างกันระหว่างเกียร์ P, R, N และ D
เทคโนโลยีไฟหน้าในปัจจุบันมีการพัฒนาจากหลอดฮาโลเจน มาเป็นหลอดซีนอน จากนั้นจึงกลายมาเป็นหลอด LED ที่ให้ความสว่างควบคู่กับการประหยัดไฟ ส่วนเทคโนโลยีไฟหน้าเลเซอร์คงยังไม่ต้องพูดถึง เพราะยังถูกจำกัดอยู่ในรถหรูเพียงบางรุ่นเท่านั้น
แต่สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ การเปลี่ยนโทนสีไฟหน้าจากเหลืองนวล มาเป็นสีขาว จนปัจจุบันเริ่มจะมีสีขาวอมฟ้าให้เห็น แท้ที่จริงแล้วสีไหนเหมาะกับการในงานจริงมากที่สุดกันแน่? เรามาดูข้อเสียของสีไฟหน้าแต่ละแบบกันครับ
แสงสีเหลืองนวลได้มาจากหลอดชนิดฮาโลเจน ซึ่งถูกใช้มาอย่างยาวนาน แสงจากหลอดชนิดนี้มีอุณหภูมิแสงประมาณ 3000K – 3200K สามารถส่องสว่างลงบนถนนลาดยางได้ชัดเจนแม้ในขณะฝนตก ทำให้มองเห็นถนนได้ง่ายกว่า แต่ในขณะเดียวกันปริมาณความเข้มของแสงจะอยู่ที่ประมาณ 1,100 – 1,700 Lumens เท่านั้นและมีอายุการใช้งานสั้นเพียงไม่กี่ปี เนื่องจากมีความร้อนสูงมาก
สงไฟหน้าสีขาวได้มาจากหลอดชนิด HID และ LED ซึ่งมีอุณหภูมิแสงตั้งแต่ 4300K ขึ้นไป ซึ่งแม้ว่าแสงสว่างสีขาวจะช่วยให้รถดูสวยงามขึ้น แต่หากอุณหภูมิแสงเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ (มีสีอมฟ้ามากขึ้น) ก็จะทำให้การสะท้อนแสงกับพื้นลาดยางได้ลดลง โดยเฉพาะเวลาที่ฝนตก แสงที่มีสีอมฟ้าก็จะกลืนหายไปกับถนน ทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจนเท่ากับแสงสีอมเหลือง
สำหรับหลอดแบบ HID มีอายุการใช้งานนานกว่าหลอดฮาโลเจนเล็กน้อย แถมยังใช้พลังงานน้อยกว่า แต่ก็แลกมาด้วยค่าอะไหล่ที่แพงกว่าเช่นกัน ขณะที่หลอด LED มีประสิทธิภาพการกินไฟน้อยที่สุด และสามารถพัฒนาให้มีความสว่างกว่าหลอด HID ได้ รวมถึงยังทนทานนานกว่าหลอดประเภทอื่นด้วย
เห็นไหมครับว่าหลอดไฟหน้าแต่ละแบบมีข้อดี-ข้อเสียต่างกันออกไป แม้กระทั่งหลอดแบบฮาโลเจนที่มักพบในรถราคาประหยัด ก็ยังมีข้อดีบางอย่างที่เหนือกว่าหลอดไฟแพงๆ ด้วยครับ
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : ไฟหน้าสีเหลือง กับ สีขาว แบบไหนดีกว่ากัน?
เรื่องนี้ไม่อนุญาติ ให้แสดงความคิดเห็น