ปิดเมนู
หน้าแรก

หลุมสิว และรอยแผลเป็นบนใบหน้า รักษาอย่างไร

เปิดอ่าน 735 views

หลุมสิว และรอยแผลเป็นบนใบหน้า รักษาอย่างไร

สิวเป็นปัญหาเล็กๆ ที่ไม่เล็ก หมอเคยเขียนเกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดสิวและการรักษาสิวไปเมื่อนานมาแล้ว มีคำถามต่อเนื่องถึงสิ่งที่หลงเหลือหลังจากสิวหายนั่นก็คือรอยดำ แผลเป็นนูน และหลุมสิว แม้ว่าในระยะยาวถ้าไม่มีการกลับเป็นซ้ำของสิว รอยดำ แผลเป็นหรือหลุมสิวเหล่านั้นก็มักจะหายเองได้ แต่ต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ทางการแพทย์และวงการผิวพรรณและความงาม ก็มีตัวช่วยให้ปัญหาเหล่านี้หายกลับเป็นปกติได้รวดเร็วขึ้นได้

รอยดำที่เกิดตามหลังการเป็นสิว มักเป็นปัญหาที่เกิดในคนผิวสีเหลืองน้ำตาล หากมีการแกะแคะเกาจนเป็นแผล รอยดำก็จะรุนแรงและอยู่นาน โดยปกติจะหายไปได้เองในระยะเวลา 1 – 6 เดือน หากเกิดขึ้นแล้ว ตัวช่วยที่ทำให้หายได้เร็วขึ้น เริ่มจากการใช้ครีมหรือยาในตระกูล Bleaching ดือ ยาหรือครีมที่มีส่วนผสมของพวก Whitening นั่นเอง ต่อมาก็คือการทำเลเซอร์และทรีทเม้นท์บำรุงผิวต่างๆ

แผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ แม้จะเกิดขึ้นบริเวณใบหน้าได้ยาก แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้โดยมักจะเกิดบริเวณรอยสิวที่อยู่ขอบๆ ของใบหน้า คอ หลัง และหน้าอก จริงๆ แล้วใน 6 เดือนแรก แผลเป็นที่ดูนูนๆ นี้อาจจะยังไม่ใช่คีลอย์ เรียกว่า Hypertrophic scar ซึ่งจะสามารถยุบไปได้เอง วิธีการป้องกันคือการทายาที่มีความสามารถยับยั้งการเกิด ได้แก่ Silicone Gel มีรูปแบบเจลครีม และเป็นแผ่นแปะในส่วนของแผลเป็นนูนที่เกิดขึ้นแล้วสามารถรักษาโดยการฉีดสารสเตียรอยด์เข้าไปโดยตรงที่แผล ก็จะทำให้แผลที่นูนนั่นยุบลงได้

หลุมสิว จะเกิดในรายที่เป็นสิวรุนแรง เช่น สิวอักเสบ ขนาดใหญ่และเกิดซ้ำๆ กันต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ในปริมาณมาก สิวอักเสบขนาดใหญ่จะมีการอักเสบที่รุนแรงจนทำให้เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังถูกทำลายหายไปแล้วทำให้ผิวภายนอกยุบตัวลง ลักษณะของหลุมสิวจะมีได้หลายแบบคละกันไป คือ ปากหลุมแคบก้นหลุมลึก ปากหลุมกว้างก้นหลุมเป็นแอ่งกระทะ โดยก้นหลุมของหลุมสิวเหล่านี้จะเกิดพังผืดเกิดขึ้น ทำให้เนื้อเยื่อมีความแข็งกว่าปกติ การรักษาในอดีตจะมีการทำ Subcision คือการใช้เข็มลงไปตัดพังผืดที่ก้นหลุมสิวและเพื่อกระตุ้นให้เกิดกระบวนการรักษาแผล จะสามารถทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้

ในปัจจุบันได้มีการนำทรีทเม้นท์ที่เรียกว่า Microneeddling Therapy และ Fractional Laser เข้ามาช่วยให้การรักษาหลุมสิวมีประสิทธิภาพมากขึ้น ถ้าหลุมสิวไม่ลึกมากและคนไข้ที่เข้ารับการรักษามีผิวค่อนข้างขาว เลเซอร์จะเป็นตัวเสือกที่เหมาะสมกว่า เพราะคนผิวขาวสามารถทนต่อพลังงานเลเซอร์ได้มากกว่า เกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ได้น้อย และระยะเวลาห่างในการทำเลเซอร์นั้นค่อนข้างนานคือ 3 – 4 สัปดาห์ต่อครั้ง นอกจากนี้เลเซอร์ยังให้ผลในการผลัดผิวใหม่ได้ด้วย รวมไปถึงการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากความร้อนของเลเซอร์ ในคนไข้ที่หลุมสิวลึกมาก มีผิวเข้ม การเลือก Microneeddling Therapy จะเหมาะสมกว่า เพราะการใช้วิธีนี้ จะสามารถทำได้ ทุกๆ 2 สัปดาห์ และการกระตุ้นด้วยเข็มสามารถลงได้ลึกกว่า โดยที่ไม่มีผลข้างเคียงจากความร้อน เช่น Hyperpigmentation หรือหน้าดำที่เกิดตามหลังการยิงเลเซอร์ที่พลังงานแรงเกินไป

ในปัจจุบันถ้าเปรียบสนนราคาการรักษานั้นพอๆ กันแล้ว อยู่ที่คุณจะชอบวิธีไหนและวิธีไหนจะเหมาะสมกับคุณค่ะ

cr. aroka108

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : หลุมสิว และรอยแผลเป็นบนใบหน้า รักษาอย่างไร