ปิดเมนู
หน้าแรก

กินอย่างไร ให้ “ตับ” แข็งแรง

เปิดอ่าน 262 views

กินอย่างไร ให้ “ตับ” แข็งแรง

กินอย่างไร ให้ “ตับ” แข็งแรง เกี่ยวกับ ตับ

รู้หรือไม่ว่า “ตับ เป็นอวัยวะในร่างกายที่ถูกทำลายมากที่สุดส่วนหนึ่ง จากพฤติกรรมในการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสมของคนไทย จึงทำให้อัตราส่วนในการเป็นโรคที่เกี่ยวกับตับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งโรคตับแข็ง ไขมันพอกตับ มะเร็งตับ โดยเฉพาะโรคไขมันพอกตับจะพบในประชากรชาวไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี สาเหตุหนึ่งมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ กระบวนการที่ตับกำจัดแอลกอฮอล์ จะเกิดกรดไขมันขึ้นมา ซึ่งกรดไขมันก็จะถูกสร้างให้เป็นไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งไปแทรกอยู่ในเนื้อตับ เป็นลักษณะของไขมันที่มาพอกที่ตับ ซึ่งจะทำให้เกิดการอักเสบ แล้วอาจนำไปสู่โรคตับแข็ง การทำงานของตับผิดปกติ หากไม่รีบเข้ารับการรักษา อาจส่งผลกระทบถึงชีวิตได้

 

อาหารทำลายตับ ที่ควรหลีกเลี่ยง

หลักๆ เลยคือ แอลกอฮอล์ อาหารหมักดอง จะมีสารกลุ่มไนเตรท ไนไตรท์ ดินประสิว และอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อตับ รวมไปถึงอาหารสุกๆ ดิบๆ อย่าง ปลาร้า ปลาดิบ เป็นต้น ที่เป็นสาเหตุของโรคพยาธิใบไม้ในตับ ซึ่งก็สามารถนำไปสู่โรคมะเร็งตับ และโรคตับอักเสบได้เช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีอาหารที่มีไขมันสูง ของมัน ของทอด ซึ่งจะทำให้เกิดการสะสมของไขมัน รวมไปถึงอาหารที่มีการปนเปื้อนเชื้อรา อย่าง อะฟลาทอกซิน ซึ่งเป็นเชื้อราที่อยู่ในถั่ว ที่ทำให้เป็นมะเร็งตับได้

 

อาหารบำรุงตับ ที่เราควรทาน

อาหารที่เราควรทาน คือ ข้าวกล้อง และข้าวกล้องงอก ในข้าวกล้องจะมีสารอาหารมากกว่าข้าวขาวปกติ โดยเฉพาะใยอาหาร กรดโฟลิค วิตามินต่างๆ แกมมา โอไรซานอล (สารต้านอนุมูลอิสระจากเมล็ดพืช) วิตามินอี รวมไปถึงสารกาบา ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น

นอกจากนี้ยังควรทานพืชผักผลไม้อย่าง กะหล่ำปลี แครอท แตงโม หน่อไม้ฝรั่ง เพราะผักและผลไม้จะมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่สูง ช่วยลดการอักเสบ ซึ่งอาจเกิดจากการทำลายของอนุมูลอิสระ และยังมีใยอาหารอยู่สูง ช่วยลดการเกิดพิษกับตับได้

 

กินตับ บำรุงตับ?

ตับจะเป็นแหล่งสะสมของวิตามินเอ และมีธาตุเหล็กอยู่ สารเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอยู่แล้ว แต่ตับมีคอเลสเตอรอลอยู่สูงด้วย ดังนั้นการกินตับเพื่อหวังผลในการบำรุงตับอย่างต่อเนื่อง อาจมีผลเสียในเรื่องของไขมันที่จะกลับไปสู่ร่างกาย หรือไปพอกตับแทน จึงต้องทานอย่างระมัดระวัง

 

น้ำหวาน รักษาตับ?

คนที่เป็นโรคตับ หมายความว่าการทำงานของตับจะผิดปกติ ทำให้ตับไม่สามารถเก็บกลูโคสเอาไว้ และนำไปสลายเป็นพลังงานได้ ผู้ป่วยโรคตับจึงอาจเกิดอาการอ่อนเพลีย และอยากทานของหวานๆ ดังนั้นเมื่อทานของหวานเข้าไปก็จะรู้สึกดีขึ้น แต่เป็นอาการที่ดีขึ้นเพียงชั่วคราว ไม่ใช่การรักษาที่ถูกต้อง นอกจากนี้การรับประทานน้ำหวานเป็นประจำ อาจทำให้เกิดโรคเบาหวานตามมา หรือโรคอื่นๆ ตามมาได้

 

 

แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : กินอย่างไร ให้ “ตับ” แข็งแรง